รีเซต

"ชัตดาวน์" จบแน่สัปดาห์นี้ ทำเนียบขาวขู่เดินเกมเข้ม ดึงเดโมแครตเจรจา

"ชัตดาวน์" จบแน่สัปดาห์นี้ ทำเนียบขาวขู่เดินเกมเข้ม ดึงเดโมแครตเจรจา
TNN ช่อง16
21 ตุลาคม 2568 ( 11:12 )
12

การชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 สัปดาห์ มีแนวโน้มจะจบลงในสัปดาห์นี้ จากคำยืนยันของที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว แต่สุดท้ายแล้ว หากยังไม่เกิดขึ้น ทำเนียบขาวก็พร้อมใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้น เพื่อผลักดันให้พรรคเดโมแครต กลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา

"เควิน แฮสเซ็ตต์" ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า การปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือ government shutdown ซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 3 สัปดาห์ มีแนวโน้มจะสิ้นสุดลงในสัปดาห์นี้ โดย "แฮสเซ็ตต์" เสริมว่า ขณะนี้ มีโอกาสที่ทุกอย่างจะจบลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการที่ฝ่ายเดโมแครตสายกลาง จะก้าวไปข้างหน้า และทำให้รัฐบาล กลับมาเปิดทำการอีกครั้ง จากนั้นทั้ง 2 ฝ่าย จะสามารถเจรจานโยบายต่าง ๆ ตามขั้นตอนปกติ 

อย่างไรก็ดี เขากล่าวเสริมว่า 'หากผลการเจรจาไม่ประสบความสำเร็จ ทำเนียบขาวอาจจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบร่วมกับ "รัสเซล โวจ" หัวหน้าฝ่ายงบประมาณของทำเนียบขาว เพื่อพิจารณามาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น ในการผลักดันให้เดโมแครต กลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา

ถ้อยแถลงของ "เควิน แฮสเซ็ตต์" มีขึ้นในขณะที่การชัตดาวน์ย่างเข้าสู่วันที่ 20 ท่ามกลางความหวังริบหรี่ที่จะเห็นวุฒิสภาสหรัฐอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เนื่องจากยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ในการอนุมัติงบประมาณชั่วคราวสำหรับรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจความคิดเห็นหลายสำนักชี้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่โทษประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และพรรครีพับลิกัน ว่าเป็นต้นเหตุของการปิดหน่วยงานรัฐ อีกทั้งยังมีเสียงสนับสนุนอย่างกว้างขวางต่อการขยายสิทธิประโยชน์ภาษีตามกฎหมาย Affordable Care Act (ACA) ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่เดโมแครตยืนยันให้บรรจุในร่างงบประมาณระยะสั้น

"จีน" ลดส่งออก “แร่หายาก” จับตาใช้เป็นไพ่ต่อรองสหรัฐฯ

ยอดการส่งออกแม่เหล็กแร่หายากของจีน ปรับตัวลดลงอย่างมากในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทำให้นักวิเคราะห์กำลังจับตาว่าอาจจะเป็นการจุดชนวนความกังวลระลอกใหม่ว่า "จีน" ในฐานะซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สุดของโลก อาจใช้ความได้เปรียบด้านวัตถุดิบสำคัญนี้เป็นเครื่องมือต่อรองในการเจรจาการค้า

ข้อมูลจากกรมศุลกากรจีนที่เปิดเผยล่าสุดระบุว่า ปริมาณการส่งออกแม่เหล็กแร่หายากของจีนในเดือนกันยายน อยู่ที่ 5,774 ตัน ลดลงร้อยละ 6.1 จากระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนที่ 6,146 ตันในเดือนสิงหาคม และนับเป็นการสิ้นสุดแนวโน้มขาขึ้นที่ดำเนินติดต่อกันมา 3 เดือน

ทั้งนี้ การลดลงของยอดส่งออกแม่เหล็กแร่หายากในเดือนกันยายน สอดคล้องกับรายงานที่ว่ากระทรวงพาณิชย์จีน เริ่มกลับมาเพิ่มความเข้มงวดในการออกใบอนุญาตส่งออกอีกครั้ง โดยคล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามการค้าทวีความรุนแรงสูงสุด อย่างไรก็ตาม หากเทียบเป็นรายปี ยอดการขนส่งในเดือนกันยายน ยังคงเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 ส่วน 5 ประเทศที่นำเข้าแม่เหล็กแร่หายากจากจีนเป็นปริมาณมากที่สุดในเดือนกันยายน ได้แก่ เยอรมนี เกาหลีใต้ เวียดนาม สหรัฐอเมริกา และเม็กซิโก ขณะที่ยอดรวมการส่งออกของจีนช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ อยู่ที่ 39,817 ตัน ลดลงร้อยละ 7.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ข้อมูลยังชี้ให้เห็นว่า การขนส่งไปยังสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน ยังลดลงถึงร้อยละ 28.7 จากเดือนก่อนหน้า ขณะที่การส่งออกไปยังเวียดนามกลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 57.5 ในช่วงเวลาเดียวกัน  

"ชิม ลี" นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Economist Intelligence Unit (EIU) กล่าวว่า ความผันผวนอย่างรุนแรงของตัวเลขส่งออกแม่เหล็กแร่หายาก แสดงให้เห็นว่าจีนรู้ดีว่าตนเองถือไพ่ใบสำคัญในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ "แดน หวัง" ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการจีนของ Eurasia Group กล่าวว่า ความสามารถของจีนในการควบคุมการส่งออกแร่หายาก "ถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังอย่างยิ่ง" และเสริมว่าทั่วโลกจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการบริหารของจีน ซึ่งใช้มาตรการควบคุมทรัพยากรที่สำคัญในลักษณะผูกขาดกับประเทศที่อยู่คนละฝั่ง

"หุ้นเวียดนาม" ดิ่งแรงสุดรอบ 6 เดือน กังวลความโปร่งใสธนาคารพาณิชย์

วานนี้ ตลาดหุ้นเวียดนาม ทรุดตัวลงแรงที่สุดในรอบ 6 เดือน จากความกังวลต่อความโปร่งใสของธนาคารพาณิชย์รายใหญ่หลายแห่งในเวียดนามธนาคาร หลังมีรายงานระบุว่าธนาคารเหล่านี้ ได้ใช้เงินหลายล้านล้านดองที่ระดมทุนจากการออกพันธบัตร ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ 

รายงานที่เผยแพร่โดยสำนักงานผู้ตรวจการรัฐบาลเวียดนาม ได้เปิดเผยผลการตรวจสอบบริษัทผู้ออกพันธบัตรจำนวน 67 รายซึ่งรวมถึงธนาคาร 5 แห่งที่ได้ออกพันธบัตรภาคเอกชนรวมมูลค่ากว่า 255 ล้านล้านดอง หรือประมาณ 9,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยผลการตรวจสอบ พบว่า 3 ใน 5 ธนาคาร ได้ใช้เงินจากการออกพันธบัตรไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ประกาศไว้ เช่น นำไปปล่อยสินเชื่อระยะสั้น แทนที่จะใช้สำหรับสินเชื่อระยะกลางและระยะยาวตามที่ระบุไว้ หรือไปปล่อยสินเชื่อแทนที่จะใช้เพื่อการลงทุนตามแผนที่วางไว้ เป็นต้น 

รายงานยังระบุว่าธนาคารเหล่านี้ ไม่ได้ติดตามและบริหารจัดการเงินจากพันธบัตรอย่างเหมาะสม ขณะที่พบว่าบางบริษัท ก็ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการเปิดเผยข้อมูล

นอกจากข่าวดังกล่าวแล้ว ตลาดหุ้นเวียดนามยังมีแรงกดดันเพิ่มเติม จากข่าวที่บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่าง “Novaland Investment Group” ประกาศไม่สามารถชำระหนี้พันธบัตรได้ตามกำหนด ซึ่งบริษัทดังกล่าว มีปัญหาหนี้สินมาตั้งแต่ปลายปี 2022 ซึ่งนำไปสู่การจับกุมผู้บริหารหลายรายไปแล้วก่อนหน้านี้ 

ทั้งนี้ การตรวจสอบเข้มต่อการออกพันธบัตรเอกชน ทำให้ตลาดกังวลว่าอาจทำให้สภาพคล่องการเงินหยุดชะงักอีกครั้ง และกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งความกังวลดังกล่าว ส่งผลให้เกิดแรงขายอย่างรุนแรงในหุ้นขนาดใหญ่ เช่น Vingroup, Vinhomes และ Bank for Foreign Trade of Vietnam (Vietcombank) ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่า การปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงของตลาดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงที่ FTSE ได้ประกาศเลื่อนชั้นตลาดหุ้นเวียดนามสู่ตลาดเกิดใหม่ (EM) ได้กระตุ้นให้นักลงทุนรายย่อย เพิ่มการใช้เงินกู้ยืม (leverage) ซึ่งทำให้ตลาดเปราะบางต่อแรงขายบังคับเมื่อมีข่าวลบเกิดขึ้น จนส่งผลให้เกิดภาวะตื่นตระหนกและแรงเทขายในวงกว้างทั่วทุกอุตสาหกรรม

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง