เงินบาทเช้านี้ 8 พ.ค. เปิดตลาด “ อ่อนค่า” ที่ระดับ 32.87 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทเปิดอ่อนค่า รับแรงกดดันจากดอลลาร์แข็ง
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ที่ระดับ 32.87 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนที่ 32.70 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.75-33.00 บาทต่อดอลลาร์
โดยในช่วงคืนที่ผ่านมาเงินบาททยอยอ่อนค่าลงทะลุแนวต้าน 32.75–32.85 บาทต่อดอลลาร์ ตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ที่รีบาวด์ขึ้นหลังผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ออกมาตามคาด
แม้เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25 - 4.50% แต่ตลาดรับรู้สัญญาณ "รอดูท่าที" (Wait and See) จากประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ที่ยังไม่เร่งลดดอกเบี้ยในระยะสั้น โดยให้เหตุผลว่าต้องการประเมินผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ อย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจ
สหรัฐฯ เปิดรับความเสี่ยง ดันดอลลาร์ขึ้น กดราคาทอง-กดเงินบาท
บรรยากาศการลงทุนในตลาดการเงินสหรัฐฯ เริ่มเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น จากความหวังต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน รวมถึงความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะผ่อนคลายการควบคุมการส่งออก Semiconductor ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีให้ปรับตัวขึ้น
ดัชนี S&P500 ปิดบวก 0.43% ขณะที่หุ้น Nvidia เพิ่มขึ้นถึง 3.1% ส่วนราคาทองคำซึ่งได้รับแรงกดดันจากดอลลาร์แข็งและบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยง ปรับตัวลงชั่วคราว ก่อนรีบาวด์ขึ้นมาที่ระดับ 3,391 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ตลาดหุ้นโลกผันผวน เศรษฐกิจยุโรปยังน่ากังวล
ในฝั่งยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง -0.54% จากแรงขายในหุ้นกลุ่มสุขภาพ เช่น Sanofi ที่ลดลง 4.3% ขณะที่รายงานยอดค้าปลีกของยูโรโซนที่หดตัว -0.1% ยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อความเชื่อมั่นในแนวโน้มเศรษฐกิจ
ทางด้านตลาดพันธบัตร แม้ภาวะการลงทุนเริ่มกลับมาคึกคัก แต่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงทยอยปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4.27% สะท้อนการคาดหวังว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ประมาณ 3 ครั้งภายในปีนี้
ปัจจัยสำคัญที่ตลาดจับตาใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า
- ผลประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE): คาดว่าจะลดดอกเบี้ย 25bps เหลือ 4.25%
- ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ (Jobless Claims): สะท้อนทิศทางตลาดแรงงาน
- ผลประชุมธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM): คาดคงดอกเบี้ยไว้ที่ 3.00%
- รายงานการเติบโตของค่าจ้างในญี่ปุ่น: เพื่อประเมินแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยของ BOJ
- ความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า
แนวโน้มค่าเงินบาท: แกว่งตัวในกรอบจำกัด
เงินบาทอาจชะลอการอ่อนค่าลงบ้างหากราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการจ่ายเงินปันผลนักลงทุนต่างชาติยังคงอยู่
นอกจากนี้ การลงทุนในไทยอาจได้แรงหนุนบ้างจากการเปิดตัวกองทุน Thai ESGX แต่การถือครองพันธบัตรไทยจากต่างชาติอาจเริ่มเห็นแรงขายทำกำไรกลับออกมาเช่นกัน
คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.75–33.00 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 32.75 บาท และแนวต้านที่ 33.00 บาทต่อดอลลาร์
คำแนะนำเชิงกลยุทธ์
ท่ามกลางความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะในปีหน้าที่มีปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ อย่าง Trump’s Uncertainty ผู้ลงทุนควรพิจารณาใช้เครื่องมือบริหารความเสี่ยง เช่น
- การใช้ Option
- การกระจายความเสี่ยงไปยังสกุลเงินท้องถิ่น
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนในภาวะที่ตลาดการเงินโลกยังผันผวนต่อเนื่อง