“เขื่อนภูมิพล” น้ำเยอะทุบสถิติ ในรอบ 14 ปี ตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่ปี 54 หลังปีนี้ไทยเจอพายุ 6 ลูก!

สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) เปิดเผยข้อมูลสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ เมื่อวานนี้ (4 พ.ย.) พบว่า “เขื่อนภูมิพล” จังหวัดตาก มีปริมาณน้ำกักเก็บมากถึง 13,035 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 97 ซึ่งถือว่าทุบสถิติในรอบ 14 ปี นับตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 เหลืออีกประมาณ 1 เมตร 30 เซนติเมตร ระดับน้ำจะเต็มขีดความสามารถของเขื่อน

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. เปิดเผยสาเหตุว่า เนื่องจากในปีนี้ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากอิทธิพลพายุหมุนเขตร้อนและมรสุม ถึง 6 ลูก ได้แก่ พายุวิภา คาจิกิ หนองฟ้า ตาปะฮ์ รากาซา และบัวลอย ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่จำนวนมาก ส่งผลให้ปีนี้ต้นฤดูแล้ง แหล่งน้ำทั้งประเทศมีปริมาณน้ำรวมกว่า 70,000 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 88 ของความจุเก็บกัก โดยมีอ่างฯ ที่อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังน้ำมาก 310 แห่ง  และจากอิทธิพลของ พายุ “คัลแมกี” ที่จะทำให้ไทยมีฝนตกหนักในช่วงวันที่ 6-9 ฤศจิกายนนี้ คาดว่า เสี่ยงทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลมีโอกาสเสี่ยงล้น  

ที่ประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จึงมีมติให้ปรับแผนการระบายน้ำของเขื่อนภูมิพล ปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันไดวันละ 20-30 ล้านลูกบาศก์เมตร   

นอกจากนี้ยังพบปริมาณน้ำในอ่างน้ำขนาดใหญ่ ไม่ต่ำกว่า 10 แห่ง ที่มีปริมาณน้ำเกินความจุ เช่น เขื่อนแม่มอก เขื่อนกิ่วคอหมา เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนจุฬาภรณ์, เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์, เขื่อนนฤบดินทรจินดา, เขื่อนหนองปลาไหล, เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน, เขื่อนบางพระ และเขื่อนขุนด่านปราการชล ก็จะเร่งปรับเพิ่มการระบายน้ำเพื่อรับมือพายุ “คัลแมกี” เช่นกัน

ส่วนสถานการณ์น้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท กุญแจสำคัญในการบริหารจัดการน้ำลุ่มภาคกลาง ปริมาณน้ำเหนือยังคงมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากฝนที่ตกหนักทางตอนบนของประเทศ   เขื่อนเจ้าพระยาจึงได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำขึ้นไปที่อัตรา 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และจะปรับเพิ่มการระบายแบบขั้นบันไดไปจนถึงเกณฑ์ไม่เกิน 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อสร้างพื้นที่ว่างในลำน้ำ รับมือกับฝนที่จะเพิ่มขึ้นจากอิทธิพลของพายุคัลแมกี   ซึ่งจะส่งผลทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนจะเพิ่มขึ้นอีก 30-60 เซนติเมตร จึงแจ้งเตือนพื้นที่ท้ายเขื่อนให้ยกของขึ้นที่สูง และให้ติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด 

จากการระบายน้ำระดับดังกล่าว ส่งผลทำให้พื้นที่ท้ายเขื่อนในตำบลโพนางดำออก อำเภอสรรพยา   แม่น้ำเจ้าพระยาได้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ เป็นนรอบที่ 3  ล่าสุดระดับน้ำท่วมสูง 30-160 เซนติเมตร เทศบาลตำบลโพนางดำออก ต้องตัดสินพักการสูบน้ำด้วยท่อพญานาคซิ่งเอาไว้ชั่วคราว เนื่องจากปริมาณน้ำจากแม่น้ำที่ทะลักเข้าท่วมระลอกนี้มีปริมาณมหาศาล โดยหันไปเสริมคันดินป้องกันพื้นที่ ที่น้ำยังท่วมไม่ถึงแทน