รีเซต

ปชช.แห่รับบัตรคิวขอกล้าไม้ หลังตื่นตัวปลูกต้นไม้หวังมีรายได้อนาคต

ปชช.แห่รับบัตรคิวขอกล้าไม้ หลังตื่นตัวปลูกต้นไม้หวังมีรายได้อนาคต
ข่าวสด
1 กรกฎาคม 2563 ( 10:18 )
282

 

ปชช.ตื่นตัวปลูกต้นไม้หวังมีรายได้อนาคตแห่รับบัตรคิวขอกล้าไม้ฟรี เผยแจกกล้าไม้ไปแล้วกว่า 450,000 กล้า พร้อมหาภาคีเครือข่ายช่วยหนุนเพาะชำกล้าไม้แจกปชช.

 

นางนันทนา บุณยานันต์ โฆษกกรมป่าไม้ กล่าวว่า ขณะนี้มีประชาชนให้ความสนใจมาขอรับกล้าไม้จากกรมป่าไม้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะที่สถานีเพาะชำกล้าไม้บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ประชาเดินทางมายังสถานีเพาะชำ ตั้งแต่เวลา 04.00 น.

ขณะที่ทางสถานีเพาะชำกล้าไม้บ้านฝาง ได้วางระเบียบแนวทางในการขอรับกล้าไม้ของทางสถานี เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดมาตรการแนวทางปฏิบัติในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)

โดยประชาชนทุกรายที่เดินทางมาขอรับกล้าไม้จะได้รับบัตรคิว ซึ่งจะแจกบัตรคิว 200 คิวต่อวัน พร้อมให้ระบุแจ้งวันเวลาในการเดินทางเข้ามารับกล้าไม้เพื่อเป็นการลดความแออัด โดยประชาชน 1 คนสามารถขอรับกล้าไม้ไม่เกินคนละ 300 ต้น

ส่วนการเข้ามารับกล้าไม้จะเริ่มแจกกล้าไม้ในวันที่ 20 ก.ค. นี้ เพื่อรอให้กล้าไม้มีความแข็งแรงสมบูรณ์ เจริญเติบโตขนาดเป็นกล้าไม้พันธุ์ดี สำหรับมาตรการการแจกกล้าไม้ จะกำหนดไว้จำนวน 80 คิว แบ่งเป็น 2 ช่วง ในช่วงเช้า 40 คิว และช่วงบ่าย 40 คิว

โดยต้นไม้ที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการขอรับกล้าไม้ไปปลูกได้แก่ พะยูง ยางนา ประดู่ มะค่าโมง ตะเคียนทอง เป็นต้น ซึ่งตั้งแต่วันที่ 22-26 มิ.ย. 63 ในระยะเวลา 5 วัน ปรากฏว่ามีจำนวนประชาชนสนใจเดินทางมาขอรับกล้าไม้ทั้งสิ้นจำนวนกว่า 1,500 ราย จำนวนกว่า 450,000 ต้น

สำหรับกล้าไม้ที่กรมป่าไม้แจกจ่ายไปนั้น มีการกำหนดและควบคุมมาตรฐานของกล้าไม้ให้ได้ทั้งขนาด อายุที่เหมาะสม โดยต้องเป็นกล้าไม้ที่มีขนาด 30 เซนติเมตร และอายุประมาณ 4-5 เดือน ซึ่งเป็นกล้าไม้ที่มีความแข็งแรง และความสมบูรณ์เหมาะแก่การนำไปปลูก เพื่อให้กล้าไม้มีโอกาสในการเจริญเติบโตสูงขึ้น เพื่อที่จะส่งมอบให้กับประชาชนนำกลับไปปลูกให้เจริญเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ที่มีคุณภาพ

ประชาชนสนใจแห่รับบัตรคิวขอรับกล้าไม้จากกรมป่าไม้

ทส.ชวนปลูกต้นไม้วันต้นไม้ชาติ“รวมใจไทย ปลูกต้นไม้ เพื่อแผ่นดิน”สู่100ล้านต้น

โฆษกกรมป่าไม้ กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์การตื่นตัวของประชาชนที่เกิดขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่รัฐบาลได้มีการแก้ไข พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 โดยการปลดล็อคมาตรา 7 ซึ่งกำหนดเกี่ยวกับไม้หวงห้ามที่ขึ้นในที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดิน หรือไม้ที่ปลูกขึ้นในที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้ทำประโยชน์ตามประเภทหนังสือแสดงสิทธิ ให้ถือว่าไม่เป็นไม้หวงห้าม

"โดยปลดล็อคไม้หวงห้าม จำนวน 158 ชนิด เช่น ไม้สัก ไม้ยาง ไม้พะยูง และไม้หายาก จำนวน 13 ชนิด เช่น กระเบา มะแข่น จันทน์หอม ตีนเป็ดแดง เป็นต้น ให้สามารถปลูกและตัดขายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเป็นการช่วยเสริมให้ประชาชนสามารถมีรายได้ในอนาคตจากไม้มีค่า ช่วยเหลือประชาชนสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพ สร้างรายได้ให้ครัวเรือน"

นอกจากนี้ไม้ที่ปลูกสามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน และเป็นมรดกให้กับครอบครัวในอนาคต อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาการบุกรุกและลักลอบตัดไม้ และเป็นการช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศ

"ทั้งนี้กรมป่าไม้ยังมีระบบติดตามอัตราการรอดตายของต้นไม้ที่ปลูก โดยการลงทะเบียนไม้มีค่าในที่ดินกรรมสิทธิ์(e-tree)ผ่านเว็บไซด์กรมป่าไม้ https://fp.forest.go.th/rfd_app/rfd_survey_m7/app/index.php

ซึ่งในอนาคตเมื่อต้นไม้เจริญเติบโตสามารถตัดนำมาใช้ประโยชน์ การลงทะเบียนจะช่วยรองรับระบบการค้าไม้จากการปลูกป่าได้อีกด้วย

เนื่องจากประชาชนมีความต้องการกล้าไม้จำนวนมากจึงเป็นห่วงเรื่องกล้าไม้ไม่พอแจก อาจสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนที่มาทีหลังและไม่ได้รับกล้าไม้

ทั้งนี้กรมป่าไม้จึงได้เตรียมการวางแผนในอนาคตในเรื่องการเพิ่มปริมาณการเพาะชำกล้าไม้ การหาภาคีเครือข่ายที่จะมาช่วยสนับสนุนในส่วนของการเพาะชำกล้าไม้ พร้อมทั้งวางแผนสำหรับการเตรียมความพร้อมที่จะแจกจ่ายกล้าไม้ให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนอย่างเร่งด่วนต่อไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง