รีเซต

ศรีลังกา ขึ้นค่าไฟ 800% รัฐบาลสั่งห้ามเติมน้ำมันรถที่ไม่จำเป็น 2 สัปดาห์

ศรีลังกา ขึ้นค่าไฟ 800% รัฐบาลสั่งห้ามเติมน้ำมันรถที่ไม่จำเป็น 2 สัปดาห์
TNN ช่อง16
28 มิถุนายน 2565 ( 16:30 )
106

รัฐบาลศรีลังกาแถลงเมื่อวันจันทร์ (27 มิ.ย.65) ว่า จะห้ามยวดยานส่วนตัวเติมน้ำมันเบนซินและดีเซลไปจนถึงวันที่ 10 ก.ค.นี้ และจะอนุญาตให้เติมได้เฉพาะรถโดยสาร รถไฟ ยวดยานที่ใช้ทางการแพทย์และการขนส่งอาหาร นอกจากนี้ ยังให้ปิดโรงเรียนในเขตเมือง และให้ประชากร 22 ล้านคนทำงานจากบ้าน (Work From Home)

ขณะที่ บริษัทการไฟฟ้าของรัฐบาลศรีลังกา หรือ CEB ซึ่งกำลังประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก ประกาศขึ้นราคาค่าไฟมากถึง 835% สำหรับลูกค้าที่มีรายได้น้อย

เนื่องจากปัจจุบัน ผู้ที่ใช้ไฟฟ้าน้อยกว่า 30 กิโลวัตต์ต่อเดือน จะจ่ายค่าไฟ 54.27 รูปี หรือราว 0.15 ดอลลาร์ ซึ่ง CEB พยายามจะขึ้นค่าไฟเพิ่มเป็น 507.65 รูปี หรือราว 1.44 ดอลลาร์

อย่างไรก็ดี ประธานคณะกรรมการสาธารณูปโภคของศรีลังกา ยอมรับว่าผู้บริโภคในประเทศส่วนใหญ่ไม่สามารถรับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นมากเช่นนี้ได้ จึงเสนอขอเงินอุดหนุนโดยตรงจากกระทรวงการคลัง เพื่อช่วยให้ค่าไฟที่เพิ่มขึ้นเหลือน้อยกว่าครึ่งหนึ่งจากตัวเลขที่ซีอีบีร้องขอ

ภาพจาก Reuters

โฆษกรัฐบาลเผยว่า ศรีลังกาไม่เคยเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจร้ายแรงเช่นนี้มาก่อนในประวัติศาสตร์ประเทศ รัฐบาลได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปเจรจาขอซื้อน้ำมันราคาถูกจากรัสเซียและกาตาร์ ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่แล้ว 

ทางการเผยเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เหลือน้ำมันดีเซลเพียง 9,000 ตัน และน้ำมันเบนซิน 6,000 ตัน สำหรับใช้ในบริการจำเป็นเพียงไม่กี่วันเท่านั้น และคาดว่าจะหมดภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ หากยังมีการใช้เท่าในปริมาณปัจจุบัน

เศรษฐกิจศรีลังกาได้รับผลกระทบหนัก ทั้งจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ราคาน้ำมันแพง และการลดภาษี ทำให้ไม่มีสกุลเงินต่างประเทศมากพอที่จะชำระค่าสินค้านำเข้า 

ภาพจาก Reuters

และต้องผิดนัดชำระหนี้ต่างประเทศเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม คณะตัวแทนของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF เดินทางมาศรีลังกาเมื่อสัปดาห์ก่อนเพื่อหารือเรื่องข้อตกลงความช่วยเหลือมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 106,060 ล้านบาท)

นอกจากนี้ รัฐบาลยังหาทางขอความช่วยเหลือจากจีนและอินเดียด้วย นายกรัฐมนตรีรานิล วิกรมสิงเห กล่าวเมื่อต้นเดือนว่า ศรีลังกาต้องการเงินอย่างน้อย 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 176,765 ล้านบาท) ในช่วง 6 เดือนหน้าเพื่อชำระค่าสินค้าจำเป็น.


ภาพจาก Reuters

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง