นครพนม” นางรำ 500 ชีวิต ซ้อมใหญ่วันเปิดงานบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช ในรูปแบบ new normal
นครพนม – นางรำ 500 ชีวิต ซ้อมใหญ่วันเปิดงานบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช ในรูปแบบ new normal ลุ้นผู้โชคดีขอพรคว้าเงิน 30 ล้านเช่นปีก่อน
วันที่ 6 กรกฎาคม 2563 เวลา 17.30 น. บริเวณถนนนิตโย หรือ(ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 22 นครพนม-อุดรธานี) ตัดกับถนนสุนทรวิจิตร หรือแยกป่าไม้ ริมฝั่งแม่น้ำโขง เขตเทศบาลเมืองนครพนม ซึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐานองค์พญาศรีสัตตนาคราช แลนด์มาร์คชื่อดัง กลุ่มนางรำไม่ต่ำกว่า 500 คน ได้มาซักซ้อมท่ารำเพื่อเตรียมโชว์ความอลังการให้นักท่องเที่ยวได้ชม ในวันเปิดงานบวงสรวงองค์พญาศรีสัตตนาคราช 7 กรกฎาคม นี้ ซึ่งเหล่านางรำนั้นมาจากหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรภาคเอกชน นักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่ฝึกซ้อมรำกันมาก่อนแล้วในที่ทำงาน และเพื่อความพร้อมเพรียงจึงกำหนดให้มาซ้อมร่วมกันอีกครั้ง โดยมีนักท่องเที่ยวมายืนชมอยู่เป็นจำนวนมาก
งานบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช กำหนดให้เป็นงานประจำปี เริ่มวันที่ 7 เดือน 7 รวมฉลองสมโภช 7 วัน 7 คืน ปีนี้(2563) จัดระหว่างวันที่ 7-13 กรกฎาคม และมีโรงแรม-ร้านค้าจับมือแจกส่วนลด 7-77% เพื่อร่วมกันฟื้นท่องเที่ยวทั้งจังหวัด ภายใต้ชื่อ “นครพนม ปันสุข กินให้ฟิน ช็อปให้จุใจ เที่ยวอย่างเก๋ไก่”
ปีนี้งดการออกร้าน-เน้นงานพิธีทางด้านศาสนา และอัตลักษณ์ เอกลักษณ์ของจังหวัดเท่านั้น และถือว่าเป็นการประเดิมเทศกาลใหญ่ หลังวิกฤต COVID-19 นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้แถลงข่าวเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเที่ยวงานบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช เหมือนทุกปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นหนึ่งใน 3 งานบุญใหญ่ประจำปีของจังหวัดนครพนมที่พลาดไม่ได้ คือ 1.นมัสการพระธาตุพนม 2.เทศกาลไหลเรือไฟ และ 3.บวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช
ซึ่งการมาสักการะขอพรพญาศรีสัตตนาคราช ปีนี้ชาวเมืองนครพนมจับมือกันทั้งจังหวัด กระตุ้นการฟื้นฟูการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลกับแคมเปญโปรโมชั่น “นครพนม ปันสุข” 7 เดือน 7 ลดกระหน่ำเมือง 7 วัน 7 คืน ลดตั้งแต่ 7% – 77% ทั้งโรงแรมและธุรกิจร้านค้า
เนื่องจากงานปีนี้จัดแบบ NEW NORMAL จึงจะไม่มีการออกร้าน ออกบูทขายสินค้า และไม่มีตลาดนัดเทศกาลคาราวานสินค้าใดๆ แต่สามารถแวะช็อปร้านต่างๆ ในเมืองได้โดยสังเกตร้านที่เข้าร่วมโครงการจะมีการติดป้ายหรือสติ๊กเกอร์ของงาน “นครพนม ปันสุข” ในช่วงงานบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช 7-13 ก.ค.นี้
การจัดงานจะต่างออกไปจากทุกปี เช่นปิดถนนวันเดียว คืองานบวงสรวงใหญ่วันที่ 7 ก.ค.เท่านั้น เพื่อจัดการรำที่ลานพญาศรีสัตตนาคราช หลังจากนั้นจะไม่มีการปิดถนน และตั้งแต่วันที่ 8-13 ก.ค. ย้ายสถานที่รำบวงสรวงจากสามแยกถนนนิตโย(แยกป่าไม้) ไปที่ลานชมวิว 3 มิติ ด้านหน้าองค์พญาศรีสัตตนาคราช และลดจำนวนนางรำเหลือเพียง 500 คนในวันเปิดงานบวงสรวงใหญ่ ตั้งขบวนรำแบบเว้นระยะห่าง และวันอื่นๆ จะมีนางรำบวงสรวงลดลงเหลือวันละ 100 คน ตามมาตรการป้องกัน COVID-19
นอกจากนี้จะงดพิธีและรายการต่างๆ เช่น พิธีรำบูชา 8 พระธาตุประจำวันเกิด โดยไม่มีการจัดคอนเสิร์ต มหรสพการแสดงหลังเสร็จพิธี,การตั้งโรงทาน แจกจ่ายอาหาร,การออกร้าน OTOP,จัดบูทสินค้าชุมชน สินค้าท้องถิ่น และตลาดนัดเทศกาล คาราวานสินค้า
ที่สำคัญผู้ที่เข้ามาในบริเวณงานต้องใส่หน้ากากอนามัยทุกคน โดยจะมีด่านคัดกรองทุกด่าน เพื่อตรวจวัดไข้และมีเจลล้างเมือบริการ และเมื่อเข้ามาในงานแล้ว จะต้องอยู่ในจุดชมการรำบวงสรวงตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อปีที่แล้วคือวันที่ 7 กรกฎาคม 2562 เป็นวันเปิดงานและมีพิธีบวงสรวงใหญ่ มีนางรำจาก 12 อำเภอ ไม่น้อยกว่า 1,500 นาง ได้ร่วมใจกันรำถวายแด่องค์พญาศรีสัตตนาคราช มีหญิงเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวดัง แต่งชุดขาวถวายพานบายศรีพร้อมขอพร จากนั้นก็เดินไปซื้อลอตเตอรี่ 1 ชุด 5 ใบ ปรากฏว่าฉลากที่ซื้อถูกรางวัลที่ 1 คว้าเงิน 30 ล้านบาท ปีนี้คาดจะมีผู้โชคดีเหมือนปีที่แล้วเช่นกัน
พญาศรีสัตตนาคราช เป็นแลนด์มาร์คชื่อดังของจังหวัดนครพนม ประดิษฐานริมฝั่งแม่น้ำโขง หน้าสำนักงานป่าไม้ ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม เป็นองค์พญานาคทองเหลืองที่ใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน มีความสวยงามโดดเด่น โดยองค์พญาศรีสัตตนาคราช หล่อด้วยทองเหลือง มีน้ำหนักรวม 9,000 กก. เป็นรูปพญานาคขดหาง 7 เศียร ประดิษฐานบนแท่นฐานแปดเหลี่ยม กว้าง 6 เมตร ความสูงทั้งหมดรวมฐาน 15 เมตร สามารถพ่นน้ำได้
ตามที่ทราบกันดีว่าพี่น้องชาวไทย-ลาว มีความเชื่อผูกพัน อยู่กับองค์พญานาค เช่นเดียวกับความผูกพันในลำน้ำโขง ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าล้วนศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ของพญานาค ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลปักปักษ์รักษาแถบลุ่มน้ำโขง รักษาพุทธศาสนา รวมถึงองค์พระธาตุพนม
วัตถุประสงค์การก่อสร้างครั้งนี้เพื่อเป็นการอนุรักษ์ วัฒนธรรมประเพณี และความเชื่อเกี่ยวต่อเรื่องพญานาคของชาวไทย และชาวลาวที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง อีกทั้งยังต้องการยกระดับ แหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนม เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
พญาศรีสัตตนาคราช มีความเด่นสง่าเพราะมี 7 เศียร ลำตัวเดียว ถือได้ว่าเป็น ตระกูลพญานาค ที่สืบสายพันธุ์มาแต่ครั้งพุทธกาล มีความใกล้ชิดพระพุทธองค์ และพระพุทธศาสนา จนอาจถือว่าเป็นต้นตระกูลแห่งพญานาคทั้งหลายทั้งปวง ซึ่งต่างร่ำลือว่า หากใครมาขอพรหรือบนบานองค์พญาศรีสัตตนาคราช อาจสัมฤทธิ์ผลเพราะเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ ทำให้บรรยากาศ บริเวณนี้คักคักไปด้วย ผู้คนแน่นขนัดจากทั่วสารทิศทุกวัน โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ สำหรับใครที่มาถึงนครพนมต้องไม่พลาดแวะมากราบไหว้ของพร องค์พญาศรีสัตตนาคราช เพื่อความเป็นสิริมงคล
ตำนานพญานาคไทย-ลาว จากความเชื่อในเรื่องพญานาค สำหรับชาวพุทธแล้วถือเป็นเรื่องที่ถูกเล่าขานกันมานานทั้งในพุทธประวัติ ตลอดจนเรื่องราวจากบรรดาเกจิอาจารย์หลายรูปก็ดี จึงไม่น่าแปลกใจถ้าจะกล่าวว่าพญานาค ถือเป็นส่วนหนึ่งสำหรับชีวิตของคนไทย และอีกหลายกรณีที่เกิดขึ้นจากความเชื่อความศรัทธา
และจากความเชื่อ ความศรัทธาของทั้งพี่น้องชาวไทย-ลาว เกี่ยวกับองค์พญานาค ที่คอยดูแลปกปักษ์รักษาผู้คนในแถบลุ่มน้ำโขงและองค์พระธาตุพนม กล่าวคือ ทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาวต่างมีกษัตริย์แห่งนาคราช หรือ นาคาธิบดี แยกปกครองดูแล โดยลักษณะของพญานาคตามความเชื่อในแต่ละภูมิภาคจะแตกต่างกันไป แต่พื้นฐานคือ มีลักษณะตัวเป็นงูตัวใหญ่ มีหงอนสีทองและตาสีแดง เกล็ดเหมือนปลามีหลายสีแตกต่างกันไปตามบารมี บ้างก็มีสีเขียว บ้างก็มีสีดำ หรือบ้างก็มี 7 สี และที่สำคัญคือ ตระกูลธรรมดำองค์ท่านจะมีเศียรเดียว แต่ถ้าตระกูลที่สูงขึ้นไปนั้นจะมี 3 เศียร 5 เศียร 7 เศียร และ 9 เศียร พญานาคจำพวกนี้องค์ท่านจะสืบเชื้อสายมาจาก พญาเศษนาคราช (อนันตนาคราช) ผู้เป็นบัลลังก์ของ องค์พระวิษณะนารายณ์ ปรมนาท ณ เกษียรสมุทร อนันตนาคราช เล่ากันว่าองค์ท่านจะมีกายที่ใหญ่โตมหึมามีความยาวไม่สิ้นสุด มี 1000 เศียร ท่านเกิดทั้งในน้ำและบนบก เกิดจากครรภ์และจากไข่ มีอิทธิฤทธิ์สามารถบันดาลให้เกิดคุณและโทษได้ และท่านสามารถจะแปลงร่างเป็นเทพบุตรหรือเทพธิดารูปร่างสวยงาม
ฝั่งลาว คือ พญาศรีสัตตนาคราช (นาคาธิบดีสีสัตตนาคบาดาล) ซึ่งเชื่อว่าเป็นกษัตริย์แห่งพญานาคฝั่งลาว เป็นพญานาค 7 เศียร ฝั่งไทย คือ พญาศรีสุทโธนาคราช (นาคาธิบดีสีสุทโธ) เป็นกษัตริย์พญานาคฝั่งไทย เป็นพญานาค 1 เศียร พญาศรีสุทโธ ท่านชอบจำศีลบำเพ็ญเพียร และปฏิบัติธรรม มีนิสัยอ่อนโยนมีเมตตา ไม่ชอบการต่อสู้ ชอบมาปฏิบัติธรรมที่พระธาตุพนม โดยมอบหมายให้เหล่าพญานาค อำมาตย์ดูแลแทน ในระหว่างที่หลบมาจำศีลภาวนา พญาศรีสัตตนาคราชเป็นใหญ่เหนือพญานาคทั้งปวงในฝั่งลาว เป็นพญานาคที่ทรงฤทธิ์ ท่านเป็นพญานาคที่ชอบจำศีลและประพฤติ ปฏิบัติธรรมเหมือนพญาศรีสุทโธนาคราช โดยชอบมาที่วัดพระธาตุพนมเหมือนกัน ทำให้พญานาคทั้ง 2 องค์ กลายเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกัน
ตามคำกล่าวของหลวงปู่คำพันธ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดธาตุมหาชัย ต.มหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม กล่าวว่า ส่วนใดที่อยู่ใกล้ต้นน้ำลำธาร หรือหากมีพิธีกรรมอันใดเกิดขึ้น ให้อัญเชิญบอกกล่าวแก่เหล่าพญานาค พิธีกรรมนั้นจะศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก จึงเป็นที่มาของพญาศรีสัตตนาคราช ริมฝั่งโขง เพื่อคุ้มครองปกปักษ์รักษาพี่น้องชาวนครพนม