รีเซต

ไม่โดนแค่จับบำบัด ตร.ออกหมายจับเพิ่ม 2 ข้อหา 'คนร้าย' บุกชกครูถึงในห้องเรียน

ไม่โดนแค่จับบำบัด ตร.ออกหมายจับเพิ่ม 2 ข้อหา 'คนร้าย' บุกชกครูถึงในห้องเรียน
มติชน
5 พฤศจิกายน 2565 ( 17:14 )
43
ไม่โดนแค่จับบำบัด ตร.ออกหมายจับเพิ่ม 2 ข้อหา 'คนร้าย' บุกชกครูถึงในห้องเรียน

นครพนม ตำรวจ สภ.เมือง นครพนม ออกหมายจับเพิ่ม ไอ้นิน ทาสยาบ้า เสพยาบ้าจนประสาทหลอน บุกทำร้ายร่างกายครูสมไสว ขณะสอนนักเรียน คนร้ายอ้างครูส่งเสียงดังรบกวน หลังตำรวจรวบข้อหาเสพยาบ้า ส่งบำบัดฟื้นฟู เสนอออกหมายจับเพิ่ม อีก 2 ข้อหา บุกรุก ทำร้ายร่างกาย โทษจำคุกสุดสุดจำคุกถึง 5 ปี ผกก.สภ.เมืองนครพนม ระดมทีมลงพื้นที่สานโครงการ หนีซ่อนสู้ ทำความเข้าใจ ครู นักเรียน รับมือเหตุร้ายในสถานศึกษา เพิ่มมาตรการเข้ม โรงเรียน ทั้ง 11 ตำบล ประสานชุมชน เฝ้าระวังปัญหายาเสพติด

 

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ความคืบหน้าล่าสุด กรณีเกิดเหตุคนร้าย คือ นายธานินทร์ ไชยบัวรินทร์ อายุ 32 ปี ชาวบ้านหนองปลาดุก ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม บ้านพักอาศัยใกล้โรงเรียน เสพยาบ้าจนประสาทหลอน โวยวายอ้างว่าครูสอนนักเรียนเสียงดัง จนก่อเหตุบุกเข้าไป ทำร้ายชกต่อยครู ผู้เสียหาย คือ นางสมไสว ภักดีล้น หรือครูไสว อายุ 43 ปี ครูประจำชั้น ป 1/2 กำลังสอนวิชาคณิตศาสตร์ ภายในห้องเรียน มีนักเรียน จำนวน ประมาณ 20 คน ก่อนถูกชกทำร้ายบริเวณใบหน้า จำนวน 2 ครั้ง ได้รับบาดเจ็บ

 

เหตุเกิดเมื่อช่วงสาย วันที่ 3 พฤศจิกายน ภายหลังทาง ตำรวจ ชุดสืบสวน สภ.เมืองนครพนม ได้ปิดล้อมจับกุม คนร้ายได้ ในช่วงค่ำวันเดียวกัน ขณะกลับเข้ามาในบ้านพัก จึงควบคุมตัวมาสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นได้จับกุมในข้อหาเสพยาเสพติดยาบ้า แต่เป็นข้อหาความผิดแค่บำบัดฟื้นฟู

 

จนกระทั่งตำรวจ ได้มีการพิจารณาความผิดเพิ่มเติม เสนอศาลจังหวัดนครพนม ออกหมายจับ ในข้อหา บุกรุกสำนักงานโดยใช้กำลังประทุษร้าย และทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายจิตใจ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

ล่าสุด ทางด้าน พ.ต.อ.ณัชวิชญ์ ราชแก้ว ผกก.สภ.เมืองนครพนม เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ ทางตำรวจ สภ.เมืองนครพนม เกี่ยวข้อง รวมถึงทีมสืบสวน ได้ลงพื้นที่ติดตามจับกุม นายธานินทร์  อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาได้ พร้อมดำเนินคดีเบื้องต้น เกี่ยวกับข้อหาเสพยาบ้า แต่เป็นคดีที่ต้องส่งตัวเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูเท่านั้น เนื่องจากไม่พบของกลางยาเสพติด หรือยาบ้า ซึ่งทางผู้ต้องหารับสารภาพว่าติดยาบ้ามานานหลายปี และเสพยาบ้าก่อนก่อเหตุ จนประสาทหลอน อ้างว่าครูสอนนักเรียนเสียงดังรบกวน จึงบุกเข้าไปทำร้าย ถือเป็นภัยสังคม

 

จนกระทั่งได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวน คือ ร.ต.อ.คงฤทธิ์ พลศรี รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม พิจารณาความผิดเสนอศาลจังหวัดนครพนม ออกหมายจับ จนกระทั่งศาลอนุมัติออกหมายจับ ที่ จ.165/2565 ฐานความผิด ในข้อหา บุกรุกสำนักงานโดยใช้กำลังประทุษร้าย และทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายจิตใจ ลงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 จึงควบคุมตัว นายธานินทร์ ไชยบัวรินทร์ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหา มาสอบสวนดำเนินคดีเพิ่มเติม เตรียมสรุปรวบรวมพยานหลักฐาน เสนอศาลจังหวัดนครพนมฝากขังตามขั้นตอนกฎหมาย ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

ส่วนผู้ต้องหาดังกล่าวตรวจสอบประวัติ พบเคยถูกดำเนินคดี ทำร้ายร่างกาย ฐานความผิดพยายามฆ่าผู้อื่น หลังก่อเหตุนำอาวุธไปทำร้ายครูชายในโรงเรียนดังกล่าว เมื่อปี 2558 ศาลจังหวัดนครพนมพิพากษาจำคุก 10 ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษกึงหนึ่งเหลือ 5 ปี แต่จำคุกจริงประมาณ 3 ปี เพราะได้รับการลดโทษ ก่อนที่จะออกมาก่อเหตุอีก ในปี 2562 แต่ไม่มีการดำเนินคดี เพราะไม่มีคนบาดเจ็บ และครั้งล่าสุดถือเป็นการก่อเหตุครั้งที่ 3 จึงต้องมีการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

 

พ.ต.อ.ณัชวิชญ์ ราชแก้ว ผกก.สภงเมืองนครพนม กล่าวอีกว่า ในส่วนของมาตรการป้องกันปราบปรามการก่อเหตุร้ายในสถานศึกษา ในชุม ชนหรือสถานที่ราชการ ทาง สภ.เมืองนครพนม ได้รับมอบนโยบายจาก พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาต่อเนื่อง พร้อมจัดกำลังพล สายตรวจชุมชน ทีมมวลชนสัมพันธ์ ลงพื้นที่ ทั้ง 11 ตำบล ในพื้นที่ อ.เมืองนครพนม ให้ความรู้ ทำความเข้าใจแก่ คณะครู นักเรียน ผู้ปกครอง ผู้นำชุมชน เกี่ยวกับโครงการ หนีซ่อนสู้ เพื่อรับมือหากมีเหตุร้ายเกิดขึ้นในสถานศึกษา หรือสถานที่ต่างๆ ป้องกันการสูญเสีย และเป็นการประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจแก่เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ในการรับมือเมื่อเกิดเหตุสามารถเข้าช่วยเหลือได้ทันท่วงที

 

ส่วนโรงเรียนเกิดเหตุล่าสุด ได้ประสานงานกับ นายความสุข ไชยผง ผอ.โรงเรียนบ้านหนองปลาดุก รวมถึงคณะครู นักเรียน ผู้ปกครอง ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติตนเมื่อเกิดเหตุ นอกจากนี้จะได้กำชับให้สายตรวจตำบลลงพื้นที่ดูแลต่อเนื่อง มั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุซ้ำอีก รวมถึงฝากพี่น้องประชาชน เป็นหูเป็นตาช่วยสอดส่องแจ้งเบาะแสยาเสพติดในชุมชน หากพบบุคคลอันตรายเป็นภัยสังคมแจ้งตำรวจ หรือผู้นำชุมชนทันที

ข่าวที่เกี่ยวข้อง