รีเซต

เคลื่อน 3 ศพ เหยื่ออารมณ์ผัวหึงโหด บำเพ็ญกุศลวัดบ้านเกิด

เคลื่อน 3 ศพ เหยื่ออารมณ์ผัวหึงโหด บำเพ็ญกุศลวัดบ้านเกิด
77ข่าวเด็ด
5 กรกฎาคม 2563 ( 09:52 )
56

นครพนม – เคลื่อน 3 ศพ เหยื่ออารมณ์ผัวหึงโหด บำเพ็ญกุศลวัดบ้านเกิด พ่อผู้สูญเสียเผยเกือบเป็นศพที่ 4 สะเทือนใจลูกชายถามหาแม่ ยาย ป้า

คืบหน้า กรณี นายนพดล น่วมสำลี หรือบี อายุ 41 ปี บ้านเดิมอยู่เลขที่ 74/331 อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. กระหน่ำยิง น.ส.สุจิตรา เชียงใบ หรือน้องขิม อายุ 23 ปี เมียสาว น.ส.จิตรา เชียงใบ หรือโอลีฟ อายุ 29 ปี พี่สาวของเมีย และ นางโอลา เชียงใบ อายุ 45 ปี เสียชีวิตรวม 3 ศพ เหตุเกิดหน้าตลาดนัดมหาสิทธิโชค ถนนมหาสิทธิโชค เขตเทศบาลเมืองนครพนม เวลา 15.30 น. ของวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยหลังก่อเหตุมือปืนอ้างว่ายืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในจุดที่เกิดเหตุประมาณ 15 นาที แต่นึกได้ว่าลูกสาววัย 8 ขวบ โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง ไม่มีใครไปรับ จึงบอกพ่อค้าที่ขายของบริเวณนั้นว่า หากตำรวจมาให้รอก่อนจะไปรับลูกแล้วจะกลับมามอบตัว พร้อมรับสารภาพเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ หลังจับได้ว่าเมียจะกลับไปคืนดีกับอดีตสามีเก่า ที่ทำงานอยู่การไฟฟ้าฯ ที่เคยถูกหวยรางวัลที่ 1 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ทำให้เกิดอาการหึงหวงจนฟางเส้นสุดท้ายขาดผึง โดยมีปากเสียงกันบนรถกระบะ ขณะเตรียมไปรับลูกสาวที่โรงเรียนดังกล่าว และอ้างว่าถูกญาติฝ่ายเมียรุมทำร้ายจึงชักอสวุธปืนยิงตายรวม 3 ศพ ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

ล่าสุด วันที่ 5 กรกฎาคม 2563 เวลา 12.00 น. นายไพจิตร  เชียงใบ อายุ 60 ปี สามีของนางโอลา และเป็นพ่อของ น.ส.จิตรา น.ส.สุจิตรา พร้อมกับญาติเดินทางมารับศพทั้งสาม นำไปบำเพ็ญกุศลที่สำนักสงฆ์ภาวนาจิตดอนจิกวนาราม ต.ท่าค้อ อ.เมือง จ.นครพนม ซึ่งเป็นวัดในบ้านเกิด โดยศพคนทั้งสามถูกตั้งวางเรียงกันอยู่บริเวณหน้าศาลาการเปรียญ ท่ามกลางความเศร้าโศกของญาติพี่น้อง

น.ส.รัชนีกร เชียงใบ อายุ 27ปี มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้อง เปิดเผยว่าน้องขิมไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังมากนัก รู้เพียงว่าขณะที่น้องขิมอยู่พัทยา จ.ชลบุรี ถูกนายนพดลสามีทุบตีประจำ และคิดจะหนีกลับบ้านแต่ติดวิกฤตโควิด กระทั่งรัฐบาลคลายล็อกจึงหอบผ้าผ่อนหนีมา นายนพดลก็ตามมาหาง้อขอคืนดีด้วย ซึ่งครอบครัวน้องขิมยังไม่เชื่อใจ ให้พิสูจน์ตัวเองก่อนว่าจะไม่ทุบตีเหมือนที่ผ่านมา และก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจนได้

ด้าน นางหยาดฝน เชียงใบ อายุ 48 ปี มีศักดิ์เป็นอาเผยเพิ่มเติมว่า น้องขิมไปช่วย น.ส.จิตราพี่สาวขายนาฬิกาที่พัทยา กระทั่งมาพบกับนายนพดลและตกลงปลงใจอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยา เวลาเมาก็จะลงไม้ลงมือหลานเป็นประจำ ซึ่งน้องขิมโทรมาเล่าเหตุการณ์ตลอดว่าอยากจะหนีให้ไกลจากสามีคนนี้ ส่วนที่อ้างว่ามือปืนเคยไปเจอน้องขิมอยู่กับอดีตสามีเก่าที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี ขอแก้ข่าวตรงที่ว่านัดไปมีอะไรกันนั้นไม่จริง เพราะคนทั้งสองมาตรวจดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ว่าลูกชายวัย 2 ปีเศษ เป็นลูกของอดีตสามีจริงหรือไม่ และก็ไม่ได้ไปเพียงลำพังสองต่อสอง มีญาติพี่น้องไปด้วยถึง 4 คน และไม่ได้นอนห้องเดียวกัน

ขณะที่นางนิตยา พรหมจักร อายุ 70 ปี ยายของน้องขิม เล่าว่าไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก แต่ลูกหลานมักมาเล่าเสมอเรื่องน้องขิมถูกผัวทุบตี รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำไมนายนพดลถึงใจร้ายขนาดนี้ ก่อนเกิดเหตุไม่มีลางสังหรณ์อะไร แต่หลังเกิดเหตุตนนอนไม่ค่อยหลับ ข้าวก็กินไม่ได้ คิดถึงลูกกับหลานเหยื่อกระสุนปืนโหดทุกวัน

นายไพจิตรผู้สูญเสียเมียและลูกในคราวเดียวกันถึง 3 ศพ เล่าเหตุการณ์วันเกิดเหตุว่า ขณะที่ลูกสาวคือน้องขิมกำลังนั่งทอดขนมข้าวแต๋นอยู่หน้าบ้าน นายนภดลก็ขับรถกระบะมาจอดแล้วกวักมือเรียกขึ้นรถเพื่อไปรับหลานที่โรงเรียน แต่เมื่อออกไปยังไม่ทันถึง 10 นาที ลูกสาวโทรมาบอกว่ามาช่วยด้วยมันตีหนูอีกแล้ว นางโอลากับน้องโอลีฟจึงรีบขี่รถ จยย.ไปช่วย ตนก็ขับรถสามล้อเครื่องตามไป พบร่างลูกเมียถูกยิงตายแล้ว โดยมีนายนพดลเดินวนรอบรถ จึงถามว่าทำไมถึงทำแบบนี้ นายนภดลลูกเขยปืนโหดตอบกลับมึงจะเป็นศพที่ 4 ไหม จึงอยากให้ตัดสินประหารชีวิตอย่างเดียว และก็อย่าให้ประกันตัวออก เพราะนายนพดลเคยข่มขู่ไว้ว่าจะฆ่าทั้งครอบครัว

นายไพจิตรเล่าทั้งน้ำตาว่า ลูกชายของน้องขิมยังไม่รู้ว่าแม่ ยาย ป้า ถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม จะรบเร้าถามตนตลอดว่าคนทั้งสามไปไหน ทำไมไม่มาสักที ตนจึงบอกทั้งหมดเขาไปสวรรค์หมดแล้ว สำหรับศพคนทั้งสามจะฌาปนกิจในเวลาบ่ายของวันอังคารที่ 7 กรกฎาคม โดยศพของนางโอลาจะเผาในเมรุ ส่วนศพสองพี่น้องจะเผาบนกองฟอนหน้าเมรุ และจะนำไปลอยอังคารในแม่น้ำโขง