ญี่ปุ่นเตรียมเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีก ท่ามกลางประชาชนต่อต้าน

กลุ่มผู้ประท้วงประมาณ 300 คน รวมตัวด้านนอกอาคารสภาท้องถิ่นจังหวัดนีงาตะ ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นในวันนี้ ถือป้ายต่อต้านการเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อีกครั้ง ผู้ประท้วงคนกล่าวว่า หากเกิดสิ่งใดขึ้นกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ พวกเขาคือคนที่ต้องรับเคราะห์ ขณะที่หลายคนเคยผ่านความยากลำบากในการดำเนินชีวิต จากการที่ต้องอพยพจากบ้านเรือนในช่วงที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิเกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์ครั้งร้ายแรงที่สุดในโลกเมื่อปี 2011

การรวมตัวชุมนุมประท้วงของชาวบ้าน เกิดขึ้นหลังจากสภาจังหวัดนีงาตะลงมติไว้วางใจ ฮิเดะโยะ ฮานะซึมิ ผู้ว่าราชการจังหวัดในวันนี้ เท่ากับให้ความเห็นชอบตามที่เขาประกาศสนับสนุนเมื่อเดือนพฤศจิกายน ให้เดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ คาชิวาซากิ-คาริวะ (Kashiwazaki-Kariwa) อีกครั้ง ฮานะซึมิแถลงข่าวหลังจากทราบผลการลงมติว่า ถือเป็นชัยชนะ แต่ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการสร้างหลักประกันด้านความปลอดภัยให้แก่ประชาชนชาวนีงาตะ

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์คาชิวาซากิ-คาริวะตั้งอยู่ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 220 กิโลเมตร มีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หลายเครื่องจากทั้งหมด 54 เครื่องที่ญี่ปุ่นสั่งหยุดเดินเครื่องทั่วประเทศตั้งแต่ปี 2554 หลังจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิเกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์ครั้งร้ายแรงที่สุดในโลก นับจากอุบัติเหตุนิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลในอดีตสหภาพโซเวียตปี 1986 (2529) ต่อมาญี่ปุ่นได้เริ่มเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 14 เครื่องจากที่ยังใช้งานได้ทั้งหมด 33 เครื่องอีกครั้ง เนื่องจากต้องการลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ 

เอ็นเอชเค (NHK) รายงานว่า บริษัทไฟฟ้าโตเกียว หรือเทปโก (TEPCO) ซึ่งเคยบริหารโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะกำลังพิจารณาเรื่องเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์คาชิวาซากิ-คาริวะเครื่องแรกจากทั้งหมด 7 เครื่องในวันที่ 20 มกราคม 2569 โรงไฟฟ้าแห่งนี้มีกำลังผลิตทั้งหมด 8.2 กิกะวัตต์ มากพอที่จะจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ครัวเรือนราว 1 ล้านหลังเศษ เทปโกรับปากเมื่อต้นปีนี้ว่า จะจัดสรรงบลงทุน 100,000 ล้านเยน (ราว 19,800 ล้านบาท) ให้แก่จังหวัดนีงาตะในช่วง 10 ปีข้างหน้า หวังได้ใจประชาชนให้สนับสนุนการเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียรือีกครั้ง แต่ผลการสรวจเมื่อเดือตุลาคมพบว่า ชาวนีงาตะร้อยละ 60 เห็นว่า สภาพการณ์ต่าง ๆ ยังไม่พร้อม และเกือบร้อยละ 70 กังวลที่เทปโกจะมาบริหารโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้เป็นแห่งแรก นับจากเกิดอุบัติเหตุที่ฟุกุชิมะเมื่อเกือบ 15 ปีก่อน 

ซานาะเอะ ทาคาอิจิ ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุนเมื่อเดือนตุลาคมมีนโยบายสนับสนุนการเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อีกครั้ง เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลนำเข้าที่ญี่ปุ่นใช้เป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าราวร้อยละ 60-70 ของที่ผลิตได้ทั้งหมดปี 2024 (2567) ที่ผ่านมาญี่ปุ่นนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวหรือแอลเอ็นจีและถ่านหินมูลค่า 10.7 ล้านล้านเยน (ราว 2.12 ล้านล้านบาท) คิดเป็น 1 ใน 10 ของการนำเข้าสินค้าทั้งหมด