'หมอพรทิพย์' ยันคดีแตงโมไม่บานปลาย มั่นใจ 'แผลก้างปลา' กุญแจอีกดอกไขคดี
‘หมอพรทิพย์’ ยันคดีแตงโมไม่บานปลาย ชี้ต้องการให้ ปชช.ได้รับความยุติธรรม เผยเห็นแผลก้างปลา มั่นใจ เป็นกุญแจอีกดอกไขคดี ด้าน ‘อัจริยะ’ มองเจตนาคนปล่อยภาพแตงโม อาจเป็นคนดีของตำรวจก็ได้
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 พฤษภาคม ที่รัฐสภา พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ส.ว. ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับหนังสือจาก นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ว่าเป็นครั้งแรกที่ตนได้เจอกับนายอัจฉริยะ ซึ่งวันนี้มายื่นในมุมของ กมธ.สิทธิมนุษยชนฯ ที่พยายามทำหน้าที่ช่วยประชาชน เราได้มีการพูดคุยและแนะนำเพื่อให้เกิดความแน่นหนาทางวิทยาศาสตร์ โดยสถานการณ์ในขณะนี้ยังมองว่าไม่ได้บานปลาย เป็นสิ่งที่อยู่ภายใต้ภูเขาน้ำแข็ง เป็นปัญหาที่หมักหมมมานาน ไม่มีใครกล้าที่จะทำ
พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าวว่า หากมีใครกล้าทำจะถูกคุ้ยแคะสารพัด เพราะก่อนนายอัจฉริยะตนก็ได้ทำมาแล้ว แต่ในบทบาทของ ส.ว.เราทำไม่ได้ ดังนั้น เราจึงแยกกันทำหน้าที่ แต่มีวัตถุประสงค์เดียวกันคือประชาชนได้รับความยุติธรรม และกระบวนการยุติธรรมความโปร่งใส ดังนั้น อยากให้นิ่งๆ และคนที่คล้ายสนับสนุน หรือติดตาม หากมีข้อมูลสามารถส่งให้นายอัจฉริยะ หรือ กมธ.ได้ และขออย่ามองว่าเป็นการทำให้ยุ่ง
พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าวต่อว่า ในส่วนของ คราบเลือด นั้นเป็นในส่วนของวิทยาศาสตร์ สามารถตรวจหาได้แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานขนาดไหนหากมีอยู่จริง ทั้งนี้ ย้ำว่าตนและนายอัจฉริยะแยกกันทำงาน โดยตนทำงานด้วยวิทยาศาสตร์ ด้วยหน้าที่ที่เป็นกรรมการ เป็นที่ปรึกษา ตนได้เห็น แผลถลอกก้างปลา เราบอกได้ว่าสิ่งนี้ที่จะนำไปสู่กุญแจตัวหนึ่ง แต่ตอนนั้นพูดไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำงาน จะผิดจริยธรรมของ ส.ว. แต่เมื่อตำรวจทำงานเสร็จแล้วเราสามารถพูดคุยได้เมื่อมีผู้มาถาม
“ส่วนความสนใจในแผลก้างปลานั้น เพราะเป็นแผลวิทยาศาตร์ที่บอกจุดตก เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านเรือและอื่นๆ ยืนยันตรงกันหมดว่าจุดตกคือหัวเรือ ดังนั้น เมื่อจุดตกไม่ตรงกับคำให้การ เราต้องฟังวิทยาศาสตร์ แต่จะทำอะไรได้หรือไม่นั้น ไม่ทราบ ซึ่งแผลดังกล่าวนี้เป็นแผลถลอกตื้น ขนานกันที่ต้นขา ด้านหลังและที่น่องด้านหลังตั้งแต่บนลงล่าง เฉียงจากนอกเข้าในสม่ำเสมอ นั่นแปลว่าไม่ใช่มนุษย์ทำ สิ่งที่เป็นไปได้คือถูกใบพัดเรือและใบพัดที่จะพัดตรงขนาดนี้ กระแสน้ำต้องพาร่างตรงๆ ผ่านใบพัด ดังนั้น ต้องไปดูว่าส่วนไหนที่กระแสน้ำจะตรง และอีกส่วนหนึ่งที่แผลไม่ลึกนั้นเพราะฟินเรือบัง จึงกดร่างไม่ให้โดนใบพัดไม่ให้บาดลึก” พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าว
ด้านนายอัจฉริยะกล่าวถึงกรณีที่เคยพูดว่าหลังจากนี้หากเปิดหลักฐานออกไปแล้วหากไม่จริงจะยอมให้โดนเหยียบหน้าว่า เรื่องนี้ตนพูดถึงผู้กำกับ สภ.เมืองนนทบุรี หากไม่สามารถย้ายเขาออกจากพื้นที่ได้ ให้ใครก็ได้มาเหยียบหน้าตนได้เลย เป็นเรื่องของผู้กำกับ สภ.เมืองนนทบุรี คนอื่นไม่เกี่ยว ซึ่งเขาได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับตน และตนจะได้มีการดำเนินคดีกับเขาในวันพรุ่งนี้ (24 พฤษภาคม) เวลา 10.00 น.
นายอัจฉริยะกล่าวว่า ตอนนี้ยืนยันว่าไม่มีคนข่มขู่แต่อย่างใด เพราะตนไม่กลัวใครอยู่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้คือการพิสูจน์ความจริงให้กับแตงโมและคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งวันหน้าอาจจะเกิดคดีแบบแตงโมอีกหากปล่อยเจ้าหน้าที่รัฐร่วมมือในกระบวนการสร้างพยานหลักฐานเป็นเท็จ เอาคำพูดคนรวยมาเป็นตัวตั้งคดี ต่อไปความยุติธรรมจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งนี้ ตนไม่อยากเชื่อกระทรวงยุติธรรมจากประสบการณ์ 10 ปีที่ผ่านมา และในยุคนี้ขึ้นอยู่กับการเมือง ใจถึงไม่ถึง ตั้งแต่เป็นอธิบดีคนใหม่มา 6 เดือน ยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน
“ผมไม่เข้าใจว่าเหตุใดไม่ลองทำคดีแตงโม ซึ่งเขาแทบจะไม่ต้องทำอะไร เพราะทุกอย่างมาจากผมและทีมงานทั้งหมด แม้กระทั่ง พญ.คุณหญิงพรทิพย์ก็เป็นพยานในคดีนี้ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านเรืออีกหลายคนก็เป็นพยานในคดีนี้ จึงอยากท้าดวล หาก กมธ.ให้ไปตรวจคราบเลือด จะไปตรวจหรือไม่ หากไม่ตรวจแสดงว่าคุณไม่รับคดีนี้ ดังนั้น จึงไม่ต้องคิดอะไรมาก กระทรวงยุติธรรมในยุคนายสมศักดิ์กับอธิบดีกรมสอบสวนพิเศษ หากไม่รับทำคดีผมจะถือเป็นยุคตกต่ำที่สุด และผมจะมีการดำเนินคดีกับกระบวนการของดีเอสไอ ทั้งเรื่องการใช้กฎหมายฟอกเงินในการไปเรียกผลประโยชน์ในคดีลำพูนแบริเออร์ และสโมสรฟุตบอลโดยนำคดีชบาไปอ้างว่าเป็นคดียาเสพติด ซึ่งผมมีหลักฐาน แต่ยังไม่มีเวลาว่างเพราะทุ่มเทเวลาให้กับคดีแตงโม
“แม้พรุ่งนี้ร่างแตงโมจะเผาเราก็จะไม่หยุดทำงาน เพราะเราจะพิสูจน์ความจริง และพรุ่งนี้จะเป็นวันแรกที่เริ่มปล่อยคลิปวิดีโอให้สื่อมวลชนได้เห็น โดยจะเป็นหลักฐานที่เราจะนำไปยื่นดีเอสไอด้วย” นายอัจฉริยะกล่าว
เมื่อถามถึงคนที่ปล่อยคลิปแตงโมมองว่าหวังดี หรือมีสิ่งอื่นแอบแฝง นายอัจฉริยะกล่าวว่า ความคิดตนอย่าไปมองเขาในแง่ร้าย สิ่งทีไม่เคยเห็นก็จะได้เห็น สิ่งที่เป็นเฟคนิวส์ก็ว่ากันไป มองว่าเป็นอารมณ์สร้างสีสัน ส่วนจะมีประโยชน์หรือไม่ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ส่วนความคิดตนนั้นมองว่าตำรวจมีตั้งแต่ที่ดูดข้อมูลในมือถือแล้ว และไม่เชื่อว่าเป็นคนนอกที่ปล่อย แต่เป็นคนดีของตำรวจ