แนวปะการัง “Great Barrier Reef” สูญเสียปะการังมากที่สุดในรอบ 39 ปี

ทีมสำรวจในออสเตรเลียเปิดเผยว่า แนวปะการัง เกรตแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) แนวปะการังนอกชายฝั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมพื้นที่ 344,000 ตารางกิโลเมตร ได้ประสบกับการสูญเสียปะการังเป็นรายปีมากที่สุดในรอบ 39 ปีของการบันทึกข้อมูล
ทีมสำรวจพบข้อมูลอันน่าตกใจ
ทีมโครงการติดตามระยะยาวของหน่วยงานวิจัยทางทะเลเขตร้อน กล่าวว่า การสูญเสียจากปริมาณปะการังที่อยู่ในระดับสูงนี้ เป็นผลกระทบที่สำคัญและเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าการเกิดปะการังฟอกขาวที่ถี่ขึ้น เริ่มส่งผลเสียต่อแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟอย่างแท้จริง และแม้ว่ายังมีปะการังอยู่มาก แต่ก็พบการลดลงในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบปีของการสำรวจ
รายละเอียดพื้นที่การสำรวจในครั้งนี้
โดยหน่วยงานได้แบ่งการสำรวจแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟ โดยวัดจากพื้นที่ทอดยาวประมาณ 1,500 กิโลเมตร ตามแนวชายฝั่งรัฐควีนส์แลนด์ ออกเป็นสามส่วน ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน ได้แก่ ตอนเหนือ ตอนกลาง และตอนใต้
จากการสำรวจพบว่า ปริมาณปะการังที่มีชีวิตลดลงเกือบหนึ่งในสามในพื้นที่ส่วนตอนใต้, ลดลงหนึ่งในสี่ในพื้นที่ตอนเหนือ และลดลงร้อยละ 14 ในพื้นที่ตอนกลาง
ข้อมูลการฟอกขาวของปะการังก่อนหน้านี้
จากข้อมูลของสำนักงานสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐฯ (NOAA) พบว่าในปี 2023 และ 2024 ที่อุณหภูมิทั่วโลกสูงขึ้น ทำให้ปะการังทั่วโลกเผชิญกับการฟอกขาวครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมาเป็นครั้งที่สี่ โดยส่งผลกระทบต่อพื้นที่แนวปะการังเกือบร้อยละ 84 ทั่วโลก และมีอย่างน้อย 83 ประเทศที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงไทย
เหตุการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2023 และถูกประกาศว่าเป็นวิกฤตการณ์ระดับโลกในเดือนเมษายน 2024 ซึ่งรุนแรงกว่าเหตุการณ์ครั้งก่อนในช่วงปี 2014-2017 ที่ส่งผลกระทบต่อปะการังร้อยละ 68.2 อย่างชัดเจน
คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ (IPCC) ประกาศในปี 2018 ว่า แนวปะการังถูกจัดเป็น “ระบบนิเวศที่มีเอกลักษณ์และกำลังถูกคุกคาม” เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากอุณหภูมิโลกสูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจุบันอุณหภูมิโลกสูงขึ้นแล้ว 1.3 องศาเซลเซียส นับว่าใกล้แตะเส้นวิกฤตเข้าไปทุกที