จ่อคลอด พ.ร.ก. ไซเบอร์ใหม่ เพิ่มอำนาจปฏิบัติการและการตอบโต้เชิงรุก

จ่อคลอด พ.ร.ก. ไซเบอร์ใหม่ เพิ่มอำนาจปฏิบัติการและการตอบโต้เชิงรุก 

#ทันหุ้น #SET #สแกมเมอร์ จ่อคลอด พ.ร.ก. ไซเบอร์ใหม่: รมว.ดีอี มั่นใจเพิ่มอำนาจตอบโต้-คุ้มครองเจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ 

สรุปประเด็นหลัก (Key Takeaways)

• ยกระดับ War Room เชิงรุก: กระทรวงดีอีจะเพิ่มตัวแทนจาก ธนาคารพาณิชย์และผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ เข้ามาใน War Room เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการอัปเดตและวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
• มาตรการควบคุมซิมการ์ด: มีการหารือกับ กสทช. เพื่อออกมาตรการจำกัดปริมาณการถือครองซิมโทรศัพท์มือถือให้เข้มงวดขึ้น โดยเสนอแนวคิดไม่เกิน 5 หมายเลขต่อคน หรือ 2 หมายเลขต่อโอเปอเรเตอร์ เพื่อลดการเข้าถึงอุปกรณ์อาชญากรรม
• การบังคับใช้กฎหมายใหม่: ดีอีอยู่ระหว่างการยกร่าง พ.ร.ก. ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ใหม่ โดยมีเป้าหมายหลักคือการเพิ่ม อำนาจในการปฏิบัติการและการตอบโต้เชิงรุก (Proactive Counter-response) และให้ความคุ้มครองเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติงานในต่างประเทศ
• การกำกับดูแลบัญชีม้า: ขอความร่วมมือ กสทช. ในการรวบรวมข้อมูลบัญชีม้าแถว 1 และ 2 รวมถึงข้อมูลการถือครองซิม เพื่อนำไปสู่มาตรการจัดการที่ครอบคลุม
• การจัดการพื้นที่ชายแดน: กสทช. รายงานว่าได้ดำเนินการ ตัด/จำกัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาแล้ว เพื่อควบคุมการใช้งานในพื้นที่ที่มีความละเอียดอ่อน

นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ประกาศแผนการยกระดับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีครั้งใหญ่ โดยมีคำสั่งให้ปรับปรุงการทำงานของ "วอร์รูม" ที่ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ก้าวเข้าสู่การปฏิบัติการใน "เชิงรุก" อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการผนึกกำลังจากภาคเอกชนที่สำคัญ ได้แก่ ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ และ ธนาคารพาณิชย์ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของคณะทำงานหลัก การบูรณาการข้อมูลจากภาคเอกชนเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อให้สามารถอัปเดตข้อมูลสถานการณ์และพฤติกรรมของอาชญากรไซเบอร์ได้รวดเร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะนำไปสู่การวิเคราะห์และออก "ยาแรง" ในการจัดการบัญชีม้าและซิมผีได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

มาตรการสำคัญที่รัฐมนตรีดีอีได้ผลักดันควบคู่กันไปคือการเร่งดำเนินการจัดทำ พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ฉบับใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มเครื่องมือทางกฎหมายในการปฏิบัติการเชิงรุก (Proactive Response) ซึ่งรวมถึงการให้ความคุ้มครองทางกฎหมายแก่เจ้าหน้าที่ที่จำเป็นต้องปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศเพื่อไล่ล่ากลุ่มอาชญากรข้ามชาติ โดย พ.ร.ก. ฉบับใหม่นี้มีความเป็นไปได้ที่จะรวบรวมมาตรการจาก พ.ร.ก. ฉบับก่อนหน้า เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้เป็นกฎหมายที่มีอำนาจครอบคลุมทั้งด้านการป้องกัน ปราบปราม และการตอบโต้ (Counter-Response) อย่างเบ็ดเสร็จ

นอกจากนี้ กระทรวงดีอีได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อกำหนดมาตรการควบคุมการถือครองซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือที่เข้มงวดขึ้น โดยมีแนวคิดที่จะจำกัดปริมาณการถือครองซิมไว้ที่ ไม่เกิน 5 หมายเลขต่อคน หรือ ไม่เกิน 2 หมายเลขต่อผู้ให้บริการ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยลดการเข้าถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติการทางอาชญากรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้กระทบต่อสิทธิเสรีภาพในการสื่อสารของประชาชนที่สุจริต