'รัฐบาล' รับฟังทุกเสียง ใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ แก้ปัญหาข้าว 10 ปี
รัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจอย่างเต็มเปี่ยมในการเร่งแก้ปัญหาข้าวเก่า 10 ปี ที่ตกค้างมาจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลก่อน ซึ่งสะสมอยู่ในสต็อกเป็นจำนวนมหาศาล รัฐบาลเล็งเห็นว่า การปล่อยให้ข้าวจำนวนมากถูกเก็บไว้ในโกดังเป็นเวลานาน เพื่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจสูงสุด
ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจึงได้วางแผนการเปิดประมูลข้าวเก่าในสต็อก เพื่อนำข้าวเหล่านี้กลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ โดยเฉพาะการส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศ และนำเม็ดเงินที่ได้มาชดเชยให้กับเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน รวมถึงลดภาระในการจัดเก็บและบริหารจัดการข้าวสต็อกของรัฐบาล แต่ด้วยกระแสความกังวลจากสังคมเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของข้าวเก่าที่เก็บมานาน รัฐบาลจึงได้ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้เป็นอย่างมาก เพื่อให้แผนการดังกล่าวเกิดประโยชน์สูงสุดกับทุกฝ่ายอย่างแท้จริง
ลงพื้นที่ สยบข้อกังขา ชูความโปร่งใสเป็นที่ตั้ง
ภายใต้การดำเนินงานของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นแกนนำสำคัญในการขับเคลื่อนแผนการประมูลข้าวในครั้งนี้ ได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพข้าวด้วยตัวเองที่โกดังในจังหวัดสุรินทร์ พร้อมพาสื่อมวลชนเข้าร่วมสังเกตการณ์กระบวนการตรวจพิสูจน์อย่างเปิดเผย เพื่อตอบข้อกังขาของสาธารณชนถึงมาตรฐานของข้าวไทย
ไม่เพียงเท่านั้น นายภูมิธรรมยังได้ทดลองนำข้าวดังกล่าวมาหุงรับประทานต่อหน้าสื่อมวลชน เพื่อแสดงให้เห็นว่าข้าวเก่าที่เก็บมานานยังคงมีคุณภาพดี รับประทานได้อย่างปลอดภัย ไร้กลิ่นอับ หรือสิ่งปนเปื้อนใดๆ
การลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความโปร่งใสของการดำเนินนโยบาย ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบทุกขั้นตอน สร้างความเชื่อมั่นต่อกระบวนการทำงานภาครัฐ นอกจากนี้รัฐมนตรียังได้ย้ำถึงความพร้อมในการเปิดประมูลข้าวตามแผนที่วางไว้ เพื่อนำผลประโยชน์ที่ได้ไปช่วยเหลือเกษตรกรและกระตุ้นระบบเศรษฐกิจต่อไป
นักวิทยาศาสตร์ ร่วมพิสูจน์คุณภาพ สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค
นอกจากความร่วมมือในระดับนโยบายแล้ว รัฐบาลยังแสดงให้เห็นถึงการบูรณาการการทำงานข้ามกระทรวง ผ่านความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข โดย นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมคณะนักวิทยาศาสตร์ ได้เข้ามาดำเนินการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างข้าวจากฐานข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์อย่างละเอียดถี่ถ้วนตามหลักวิชาการ
ผลการตรวจสอบพบว่า แม้ข้าวส่วนใหญ่จะผ่านการเก็บรักษามาเป็นเวลานาน แต่เมื่อผ่านการแปรรูปด้วยกระบวนการที่ถูกต้อง ก็ยังคงอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ ทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามิน และเกลือแร่ต่างๆ โดยไม่พบการปนเปื้อนของสารพิษร้ายแรงอย่างอะฟลาท็อกซิน ซึ่งเป็นข้อกังวลหลักของผู้บริโภค ส่วนสิ่งปลอมปนอื่นๆ อาทิ มอด แมลง หรือเมล็ดข้าวเสื่อมสภาพ ก็พบในปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงมั่นใจได้ว่าข้าวส่วนใหญ่ยังมีคุณภาพและความปลอดภัยอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ สามารถนำไปบริโภคหรือส่งออกได้โดยสบายใจ
จะเห็นได้ว่าการตรวจสอบอย่างรอบด้านโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์นี้ ไม่เพียงสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าข้าวไทย หากยังช่วยให้การดำเนินนโยบายของรัฐบาลเป็นไปอย่างโปร่งใส เที่ยงตรง และสอดคล้องกับข้อเท็จจริง สะท้อนให้เห็นถึงการพึ่งพาข้อมูลเชิงประจักษ์ในการขับเคลื่อนการตัดสินใจ ซึ่งจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน
รัฐบาลยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ฟังทุกเสียง เดินหน้าทุกนโยบายอย่างโปร่งใส
การแก้ไขปัญหาข้าวในสต็อกครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการระบายสินค้าเพื่อหาผลประโยชน์เข้ารัฐ หากแต่ยังเป็นการฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรและผู้เกี่ยวข้องในวงจรการผลิตข้าว รวมถึงช่วยลดภาระงบประมาณในการดูแลรักษาสต็อกข้าวของภาครัฐ ตลอดจนกระตุ้นการเติบโตของระบบเศรษฐกิจผ่านการส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญของไทยอย่างข้าวหอมมะลิ
อย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญที่รัฐบาลยึดมั่นเสมอมา คือการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค นักวิชาการ รวมถึงภาคประชาสังคมที่เฝ้าติดตามตรวจสอบการทำงานของรัฐอย่างใกล้ชิด การเปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าจะเป็นการตรวจพิสูจน์คุณภาพข้าวโดยภาคประชาชน หรือการให้ข้อมูลทางวิชาการจากฝ่ายนักวิทยาศาสตร์ ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการทำงานแบบมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน
ภาพ : กระทรวงพาณิชย์