ลอยกระทงปีนี้หงอย! เงินสะพัดต่ำสุดรอบ 9 ปี ประชาชนวิตก ‘เศรษฐกิจ-โควิด-การเมือง’
ลอยกระทงปีนี้หงอยเงินสะพัดต่ำสุดรอบ 9 ปี ประชาชนวิตกปัญหา ‘เศรษฐกิจ-โควิด-การเมือง’ - ชี้ชุมนุมยืดเยื้อถึงสิ้นปีจะทำให้จีดีพีติดลบมากขึ้น
ลอยกระทงปีนี้หงอย - นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลสำรวจการใช้จ่ายในช่วงวันลอยกระทง 2563 กลุ่มตัวอย่าง 1,222 คนทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 16-24 ต.ค. 2563 พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 42.7% วางแผนไปลอยกระทง แต่ลดลงมากเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ไปลอยกระทงถึง 62.5% โดยมี 36.3% ไม่คิดไปลอยกระทง โดยมองว่าเศรษฐกิจยังไม่ดี 32.6% ประหยัดค่าใช้จ่าย 19.6% กลัวอันตราย 17.2% กลัวโควิด-19 13.2% กลัวการชุมนุม 5.4% ส่งผลต่อเงินสะพัดในช่วงวันลอยกระทงปีนี้ขยายตัวติดลบ 1.5% มูลค่าเงินสะพัดเพียง 9,429 ล้านบาท ต่ำสุดในรอบ 9 ปี นับตั้งแต่ปี 2555 โดยเฉลี่ยค่าใช้จ่ายในวันลอยกระทงคนละ 1,348.26 บาท ขณะที่ปีก่อนใช้จ่ายคนละ 1,413.48 บาท ซึ่งกลุ่มตัวอย่าง 80.4% มองว่าราคาสินค้าแพงขึ้น จึงทำให้ต้องประหยัดเงินในส่วนนี้
อย่างไรก็ตาม 40.4% ยังเห็นว่าบรรยากาศวันลอยกระทงยังสนุกสนานเหมือนเดิม เพราะเป็นช่วงเทศกาลและมีมาตรการช้อปดีมีคืน ส่วนที่เห็นว่าสนุกสนานน้อยกว่าและเงียบเหงากว่าเดิมนั้นเป็นเพราะการะบาดของโควิด-19 บรรยากาศทางการเมือง และสถานการณ์เศรษฐกิจ รวมทั้งค่าครองชีพ เป็นต้น
นายธนวรรธน์ กล่าวอีกว่า แม้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในช่วงปลายปีไม่ว่าจะเป็นโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการคนละครึ่ง และช้อปดีมีคืน ไม่ได้มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจมากนัก เพราะมีเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจเพียง 1 แสนล้านบาท ขณะที่ประเทศไทยต้องการเงินลงไปในระบบถึง 3 แสนล้านบาท บวกกับประชาชนส่วนใหญ่ต่างก็กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ดังนั้นรัฐบาลยังจำเป็นต้องมีการอัดฉีดงบประมาณการลงทุน เพื่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจให้มากยิ่งขึ้น แต่เวลานี้สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น โดยมองว่าการฟื้นตัวอาจล่าช้าไปอยู่ในช่วงไตรมาส 3 จากเดิมศูนย์พยากรณ์ฯ มองว่าเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 แต่หากการชุมนุมยืดเยื้อจนถึงสิ้นปีจะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจทำให้ติดลบมากขึ้น เนื่องจากการเมืองจะทำให้ยอดขาย กำลังซื้อ รวมถึงการจ้างงานภายในประเทศแย่ลง หากมีผลจากการชุมนุมที่รุนแรง
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ความไม่สงบภายในประเทศยังมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ รวมถึงกำลังซื้อของประชาชนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงปลายปีไม่เห็นผลเท่าที่ควรอาจทำให้มีการชะลอการใช้จ่ายไม่มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยทางศูนย์พยากรณ์ฯ ยังคงประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจปีนี้ติดลบ 7.5-8.5% และเศรษฐกิจปี 2564 ขยายตัว 3.5-4.5% หรือเฉลี่ยเติบโต 4%
ส่วนคำอธิษฐานที่กลุ่มตัวอย่างต้องการมากที่สุด 6 อันดับคือ 1. ขอให้พระราชินีในรัชากลที่ 9 ในหลวงรัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์ทรงมีพลานามัยแข็งแรง พระชนมายุยิ่งยืนยาน 2. ขอให้มีความสุข มีความเจริญก้าวหน้า และประสบความสำเร็จในสิ่งที่หวัง 3. ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ 4.ขอให้ประชาชนมีความรักความสามัคคีไม่แตกแยก 5.ขอให้ร่ำรวย มีเงินทองไหลมาเทมา และ 6. ขอให้ประเทศชาติสงบสุข ผ่านพ้นวิกฤตและภัยพิบัติต่างๆ มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น