จุดยืนผู้นำโลกสั่นคลอน! โจ ไบเดน อนุมัติขายอาวุธให้อิสราเอล
Editor’s Pick: การปะทะกันระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ซึ่งปกครองฉนวนกาซ่า เข้าสู่สัปดาห์ที่สองและยังไม่มีสัญญาณที่จะผ่อนคลายความตึงเครียดลง
แต่มีข่าวที่สร้างความน่ากังวลต่อจุดยืนของสหรัฐฯ เพิ่มอีก เมื่อสื่อสหรัฐฯ เปิดโปงว่า โจ ไบเดน อนุมัติขายอาวุธอานุภาพสูงให้แก่อิสราเอล ก่อนหน้าเกิดวิกฤตการณ์ระลอกใหม่เพียงไม่กี่วัน
แฉสหรัฐฯ อนุมัติขายอาวุธให้อิสราเอลก่อนการโจมตี
Washington Post รายงานเมื่อวานนี้ (17 พฤษภาคม) ว่า รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เพิ่งอนุมัติการขายขีปนาวุธนำวิถีความแม่นยำสูง “สมาร์ท บอมบ์” ให้แก่อิสราเอล มูลค่า 735 ล้านดอลลาร์ หรือราว 22,000 ล้านบาท เพียง 5 วัน ก่อนหน้าที่จะเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงที่สุด ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์
รัฐสภาสหรัฐฯ มีเวลา 15 วัน นับแต่วัน นับแต่ที่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลไบเดน ในการคัดค้านการขายขีปนาวุธดังกล่าวให้แก่อิสราเอล
องค์กรสิทธิคัดค้านหนัก
กลุ่มสิทธิมนุษยชน Amnesty International ประณามรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ขายอาวุธดังกล่าวให้อิสราเอล ซึ่งอาจมีการนำไปใช้เพื่อก่ออาชญากรรมสงคราม หมายความว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการโจมตีมากขึ้นต่อพลเรือนและผู้คนจะล้มตายหรือบาดเจ็บมากขึ้นเพราะอาวุธของสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังเป็นการบั่นทอนเจตนารมย์ของสหรัฐฯ ในการยึดมั่นหลักสิทธิมนุษยชนทั่วโลกด้วย
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีไบเดน ได้ต่อสายตรงถึงนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลครั้งล่าสุด และเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวานนี้ (17 พฤษภาคม) โดยเขาแจ้งต่อเนทันยาฮูว่า เขาสนับสนุนการหยุดยิงเพื่อยุติความรุนแรงในกาซา นับเป็นครั้งแรกที่ไบเดนพูดถึงการหยุดยิง หลังจากที่เขาถูกกดดันจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนและจากภายในพรรคเดโมแครตเอง
แม้เขาจะสนับสนุนการหยุดยิง ไบเดนย้ำว่า เขายังสนับสนุนสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอลหากถูกโจมตีด้วยจรวด แต่ขอให้อิสราเอลพยายามอย่างถึงที่สุดในการปกป้องพลเรือนบริสุทธิ์
ไบเดน เดโมแครตประเพณีนิยม
ทั้งนี้ สำนักข่าว BBC รายงานว่า ไบเดนเป็นเดโมแครตที่สนับสนุนอิสราเอลแบบดั้งเดิม ดังนั้น เมื่อเกิดสถานการณ์ขัดแย้งกับกองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์ เขาจึงดำเนินตามวิธีการแบบเดิม ๆ ที่คุ้นเคย คือ รัฐบาลสหรัฐฯ ทุกชุดสนับสนุนว่าอิสราเอลมีสิทธิในการปกป้องตนเองจากจรวด
นักวิเคราะห์ระบุว่า ในระยะแรก รัฐบาลสหรัฐฯ มักจะงดวิพากษ์วิจารณ์การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลต่อสาธารณะ รวมถึงในสหประชาชาติ เพื่อเปิดโอกาสให้อิสราเอลมีเวลาพอที่จะปราบแกนนำกลุ่มติดอาวุธและโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่มก่อน และเมื่อใดที่ความขัดแย้งบานปลายจนมีจำนวนพลเรือนเสียชีวิตมากขึ้น รัฐบาลสหรัฐฯ ก็จะเริ่มวิจารณ์และกดดันอิสราเอลให้ลดการโจมตีทางทหารลง
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ปรากฎว่ากลุ่มฮามาสมีพลังเข้มแข็งกว่าเดิมมาก แต่ไบเดนกลับแสดงท่าทีต่อสาธารณะสนับสนุนให้มีการหยุดยิงระหว่างหารือกับเนทันยาฮู และสอบถามความคืบหน้าในปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอล จึงทำให้นักวิเคราะห์มองว่า นี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของเฟสใหม่ระหว่างสหรัฐฯ และอิสราเอล
ขณะเดียวกันสหประชาชาติได้แสดงความกังวลต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโครงสร้างพื้นฐานที่อ่อนแออยู่แล้วในฉนวนกาซา ซึ่งมีประชาราวสองล้านคน เพราะมีโรงเรียน 40 แห่งและโรงพยาบาล 4 แห่งที่ถูกทำลายย่อยยับในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และยังเตือนว่ากาซ่ากำลังเริ่มขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะส่งผลประทบต่อบริการพื้นฐานอื่น ๆ ด้วย
การโจมตีขยายสู่เลบานอน
สำนักข่าว Al Jazeera รายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาจนถึงเช้ามืดวันอังคาร (18 พฤาภาคม) กองทัพอิสราเอลยังคงโจมตีทางอากาศมายังฉนวนกาซาราว 30 ครั้ง
กองกำลังป้องกันอิสราเอล หรือ IDF แถลงว่า พวกเขาได้สังหารฮุสซัม อาบู ฮาร์บัญชาการประจำภาคเหนือของอิสลามิก จีฮัด ซึ่งอยู่ในตำแหน่งนี้มานาน 15 ปีแล้ว จากการโจมตีทางอากาศ
แถลงการณ์ของ IDF ระบุว่า อาบู ฮาร์บีด และกองกำลังของเขา เป็นผู้นำในการโจมตีอิสราเอลตลอดมา และว่าเขายังเป็นผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบในการยิงขีปนาวุธด้วย
IDF ระบุเพิ่มเติมว่า เมื่อวันอาทิตย์ (16 พฤษภาคม) กลุ่มหัวรุนแรงจากกาซาได้ยิงขีปนาวุธประมาณ 60 ลูก แต่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาต่อระบบป้องกันภัยทางอากาศ ไอรอน โดม ของอิสราเอล และอิสราเอลอ้างว่า สังหารกลุ่มก่อการร้ายได้มากกว่า 130 คนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะที่กลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ยิงขีปนาวุธมากกว่า 3,150 ลูกเข้าใส่อิสราเอล แต่ไอรอน โดม สามารถยิงสกัดจรวดของกลุ่มฮามาสได้ถึง 90% แต่มีบางลูกที่ทำลายรถยนต์และอาคาร ซึ่งรวมทั้งโบสถ์ยิว
ขณะเดียวกัน มีรายงานการยิงจรวดหกลูกจากเลบานอนเข้ามาทางตอนเหนือของอิสราเอล แต่จรวดเข้ามาไม่ถึงพรมแดนอิสราเอล กองทัพอิสราเอลระบุว่า อิสราเอลยิงตอบโต้ไปยังแหล่งที่มาของจรวดในเลบานอนแล้ว
กองกำลังชั่วคราวของสหประชาชาติในเลบานอนระบุว่า สามารถตรวจจับการยิงจรวดได้ที่บริเวณ ‘ราชายา อัล ฟูคาร์’ และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้นให้ถึงที่สุด
นอกจากนี้ กองกำลังของ UN ยังได้เสริมความมั่นคงในพื้นที่ทางตอนใต้ของเลบานอนร่วมกับกองทัพเลบานอนแล้วหลังตรวจว่ามีการยิงจรวดจากพื้นที่ดังกล่าว และจะเพิ่มการลาดตระเวณเพื่อปกป้องความปลอดภัยของประชากรและความมั่นคงของเลบานอนทางตอนใต้
—————
เรื่อง: ธันย์ชนก จงยศยิ่ง