หอคอยพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ ติดตั้งได้ทุกที่ ชาร์จรถวิ่งได้ไกลปีละล้านกิโลเมตร
ปัจจุบันโลกเราต่างพยายามหาวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดการปล่อยก๊าซพลังงานเรือนกระจก หนึ่งในวิธีการที่ดีคือการใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม เช่นเดียวกับสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่าหอคอยพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ จากบริษัทจากสหรัฐฯ ชื่อวินด์ แอนด์ โซลาร์ ทาวเวอร์ (Wind & Solar Tower : WST) ซึ่งหอคอยสามารถที่จะเปลี่ยนพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์มาเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ 234,154 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี หรือหากตีเป็นระยะทางที่รถวิ่งได้ก็จะได้ระยะทางประมาณ 1.3 ล้านกิโลเมตรต่อปีเลยทีเดียว
หอคอยนี้ยังเป็นเพียงโมเดลจำลองเท่านั้น มันเปิดเผยที่งานแสดงยานยนต์ดีทรอยต์ ออโต้ โชว์ (Detroit Auto Show) ในสหรัฐอเมริกา โดยวิศวกรชื่อจิม บาร์เดีย (Jim Bardia) ซึ่งเขาเริ่มต้นพัฒนาเกี่ยวกับหอคอยพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์มาตั้งแต่ปี 2007 แล้ว และอ้างว่านี่เป็นนวัตกรรมแบบไฮบริดเพียงระบบเดียวในโลกที่ใช้ทั้งพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์
การออกแบบหลักของ WST คล้ายคลึงกับหลักการของรถแข่ง คือให้ความสำคัญกับความแข็งแรง การลดแรงเสียดทาน การมีกลไกสำรองในกรณีที่ส่วนประกอบบางชิ้นเสียหายเพื่อให้หอคอยทำงานได้อย่างต่อเนื่อง และความเรียบง่ายของการประกอบและการบำรุงรักษา
WST ใช้กังหันลมแกนแนวตั้ง ออกแบบมาเพื่อรับลมจากทุกทิศทาง บนยอดหอคอยติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์แบบทำความสะอาดตัวเองได้ และตัวหอคอยยังออกแบบมาให้สามารถถอดแยกและประกอบใหม่เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานในพื้นที่หลากหลาย ใช้กระปุกเกียร์แบบต่อเนื่อง (Sequential Gearbox) ควบคุมด้วยระบบดิจิทัล ทำให้สามารถผลิตพลังงานได้ด้วยช่วงความเร็วที่กว้างขึ้น โดยสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ตั้งแต่ลมความเร็วต่ำที่ 8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไปจนลมกรรโชกแรงที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ภาพจาก Windandsolartower
ข้อดีหลักของตัวหอคอยคือมันไม่ต้องเชื่อมต่อกับเครือข่ายไฟฟ้าแบบทั่วไป ทำให้สามารถติดตั้งที่ไหนก็ได้ไม่ว่าจะทะเลทราย ภูเขา ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน ฯลฯ หอคอยนี้สามารถชาร์จรถยนต์ได้ 6 คันในช่วงเวลาเดียวกันและผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอต่อรถยนต์ประมาณ 9,400 คัน และยังสามารถเก็บไฟฟ้าไว้ในแบตเตอรี่ขนาด 1 เมกะวัตต์ได้ด้วย
นับว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมแห่งความยั่งยืนที่น่าจับตามองไม่น้อยเลยทีเดียว
ที่มาข้อมูล Interestingengineering, Cleantechnica
ที่มารูปภาพ Windandsolartower