กนอ.ลุยท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 คาดเปิดใช้ปี69
วันนี้ (26 มิ.ย.2563) นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยความคืบหน้าการก่อสร้างท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 หลังได้รับใบอนุญาตให้ปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำแม่น้ำ โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 จากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาระยองแล้ว ว่า กนอ.จะเร่งเดินหน้าการก่อสร้างโดยให้บริษัท กัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินัล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนร่วมทุนดำเนินการออกแบบและก่อสร้างในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) เป็นลำดับแรก ทั้งในส่วนของการขุดลอกและถมทะเล พื้นที่ 1,000 ไร่ แบ่งเป็น พื้นที่ใช้ประโยชน์ 550 ไร่ และพื้นที่เก็บกักตะกอน 450 ไร่ การขุดลอกร่องน้ำ และแอ่งกลับเรือ การก่อสร้างเขื่อนกันคลื่น การก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานการติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมการเดินเรือ ท่าเทียบเรือบริการ และท่าเทียบเรือก๊าซรองรับปริมาณการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติที่คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการได้ภายในปี 2569
ก่อนหน้านี้ กนอ.ร่วมกับบริษัท กัลฟ์ฯ ได้ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ชี้แจงข้อมูลโครงการฯ รวมทั้งรับฟังข้อคิดเห็นและข้อห่วงกังวลของประชาชน โดย กนอ.กำชับให้บริษัท กัลฟ์ฯ ดำเนินการให้อยู่ภายใต้กรอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ (Environmental Health Impact Assessment: EHIA) ขณะเดียวกัน กนอ.ได้จัดตั้งคณะกรรมการกำกับการติดตามตรวจสอบและการปฏิบัติตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม (คณะกรรมการไตรภาคี) ซึ่งมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ สถาบันวิชาการ รวมถึงชุมชนเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการฯ
นอกจากนี้ กนอ.อยู่ระหว่างการศึกษาในรายละเอียด เพื่อจัดตั้งกองทุนหลักประกันความเสียหายฉุกเฉินและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งแบ่งเป็น 2 กองทุน คือ กองทุนหลักประกันความเสียหายฉุกเฉิน เพื่อเป็นเงินสำรองจ่ายในการเยียวยาความเสียหาย กองทุนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยรอบ
เป้าหมายหลักของการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การขยายพื้นที่ของท่าเรือฯ เท่านั้น แต่เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนนโยบายพลังงานในภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อมเป็น LNG Hub ในภูมิภาคอาเซียน ทั้งในที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) รวมทั้งมีคลังและโครงสร้างพื้นฐานพร้อมรองรับ LNG ประกอบกับมีความได้เปรียบด้านความต้องการใช้ LNG ในประเทศที่มีปริมาณสูง โดยคาดว่าหลังจากดำเนินการพัฒนาแล้วเสร็จ จะสามารถรองรับสินค้าผ่านท่า (สินค้าด้านปิโตรเคมี และก๊าซธรรมชาติ) ได้เพิ่มอีกมากกว่า 15 ล้านตันต่อปี ทั้งนี้ ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 เป็น 1 ใน 5 โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline