วอลล์สตรีทสะเทือน! หุ้นเทค–AI ร่วงแรง มาร์เก็ตแคปวูป 2.7 ล้านล้านดอลล์

ตลาดหุ้นสหรัฐเผชิญแรงเทขายระหว่างวันรุนแรงที่สุดตั้งแต่เดือนเมษายน 2568 ส่งผลให้อินเด็กซ์สำคัญดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือน ทำให้เทรดเดอร์ในวอลล์สตรีทต่างงุนงงว่าอะไรคือชนวนเหตุที่แท้จริงของการร่วงครั้งนี้ ถึงแม้จะไม่พบตัวกระตุ้น (catalyst) ชัดเจนสำหรับการร่วงลงเกือบ 5% ของดัชนี Nasdaq-100 จากจุดสูงสุดของวัน แต่บรรดานักลงทุนก็เริ่มลำดับสาเหตุที่เป็นไปได้กันมากมาย บางส่วนชี้ไปที่ความกังวลอีกครั้งว่าโครงการด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ยังสร้างรายได้หรือกำไรไม่พอที่จะคุ้มค่ากับเม็ดเงินลงทุนมหาศาล
ขณะที่อีกฝ่ายมองว่ารายงานการจ้างงานประจำเดือนกันยายน 2568 ซึ่งถูกเลื่อนเผยแพร่และออกมาแข็งแกร่ง คือสัญญาณว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะหยุดลดดอกเบี้ยในปีนี้ นอกจากนี้การร่วงลงของบิตคอยน์แตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนก็ถูกมองว่าเป็นสัญญาณลดเสี่ยง (risk-off) ที่ซ้ำเติมแรงขายในตลาดหุ้น ขณะที่ความกังวลต่อมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไปและความผันผวนที่เพิ่มขึ้นก่อนวันครบกำหนดออปชันในวันศุกร์ ก็ถูกยกเป็นสาเหตุร่วม
ไม่ว่าปัจจัยใดจะเป็นตัวจุดชนวน การร่วงลงครั้งนี้ได้ลบความหวังช่วงเช้าว่าแรงฟื้นตัวจากการดิ่งลงก่อนหน้าจะยังไปต่อได้ แม้ตอนเช้าตลาดจะได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการที่ดูเหมือนแข็งแกร่งเกินคาดของ Nvidia และผลประกอบการของ Walmart ที่บ่งชี้ว่าผู้บริโภคยังใช้จ่ายอยู่ แต่ทุกอย่างกลับถูกกลบด้วยแรงขายที่เทลงมาอย่างต่อเนื่อง
ทางด้าน ดัชนี S&P 500 ซึ่งเคยบวกขึ้นมากถึง 1.9% ในชั่วโมงแรก กลับพลิกปิดลบ 1.6% มูลค่าตลาดหุ้นหายไปกว่า 2.7 ล้านล้านดอลลาร์ ดัชนีความผันผวน VIX ปิดเหนือระดับ 26 จุด เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเมษายน
ส่วน Nasdaq-100 ซึ่งเต็มไปด้วยหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ นำตลาดลงด้วยการปิดลบ 2.4% ทำให้ร่วงจากจุดสูงสุดล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ต.ค. แล้วกว่า 7.9% ขณะเดียวกัน หุ้น Tesla, Alphabet, Apple, Microsoft, Broadcom และ Amazon ต่างเผชิญมูลค่าตลาดเหวี่ยงตัวมากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ในวันเดียว ดัชนีความผันผวนของ Nasdaq-100 พุ่งเกินระดับ 32 จุด สูงสุดตั้งแต่เมษายน โดยเป็นการปรับตัวขึ้นก่อนวันครบอายุของออปชันมูลค่ากว่า 3.1 ล้านล้านดอลลาร์ในวันศุกร์
ขณะที่ Nvidia กลายเป็นปัจจัยกดดันตลาดหลัก หลังจากลบกำไรช่วงต้นวัน 2.4% และปิดลบ 3.2% มูลค่าหายไปเกือบ 400,000 ล้านดอลลาร์จากจุดสูงสุดระหว่างวัน นักลงทุนไม่สนใจประมาณการรายได้ที่แข็งแกร่งเกินคาด เนื่องจากความกังวลระลอกใหม่ว่าเม็ดเงินลงทุนในชิป AI อาจมากเกินไปและไม่ยั่งยืน
ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลงแล้วมากกว่า 5% จากจุดสูงสุดเดือนตุลาคม และหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 100 วันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปิดที่ระดับต่ำที่สุดตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน ขณะที่หุ้นเสี่ยงสูงยิ่งอ่อนตัวหนักกว่า เช่น ดัชนีหุ้นที่ถูกชอร์ตมากที่สุดร่วง 3.5% ดัชนีหุ้นเทคโนโลยีที่ยังไม่มีกำไรร่วง 3.7% และดัชนี Russell Microcap หลุดลงอีก 1.9% รวมร่วงจากจุดสูงสุดไปแล้วกว่า 10%
ความเห็นจากนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญวอลล์สตรีท
Brent Schutte CIO ที่ Northwestern Mutual Wealth Management กล่าวว่า “Nvidia เป็นเพียงหนึ่งในหลายคำถามที่กำลังคุกรุ่น ตั้งแต่ตลาดแรงงานที่ยังแข็งแกร่ง นโยบายภาษี เงินเฟ้อ ท่าทีของเฟดต่อการลดดอกเบี้ย ความยั่งยืนของ AI มูลค่าหุ้นที่สูงเกินไป ภาวะ private credit และแรงขายในหุ้นเทคที่ยังไม่ทำกำไร รวมถึงคริปโตฯ … นักลงทุนกำลังเผชิญคำถามที่ยังไร้คำตอบมากมาย”
Frank Monkam นักวิเคราะห์ที่ Buffalo Bayou Commodities กล่าวว่า “เมื่อคริปโตฯเข้าสู่ตลาดหมี วงจรลดเลเวอเรจข้ามสินทรัพย์ยังไม่จบ และเพราะคริปโตฯเป็นตลาดที่พึ่งพารายย่อยสูง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ดันตลาดขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี ความเปราะบางจึงเห็นได้ชัด”
Sameer Samana นักวิเคราะห์ที่ Wells Fargo Investment Institute กล่าวว่า “แม้ผลประกอบการ Nvidia จะดี แต่ยังไม่ช่วยลบความกังวลว่ามูลค่าหุ้นตอนนี้แพงเกินไป และการใช้หนี้เพื่อระดมทุนอาจเสี่ยงเกินไปเมื่อเทียบกับผลตอบแทนผู้ถือหุ้น”
Steve Sosnick นักวิเคราะห์ที่ Interactive Brokers กล่าวว่า “ผมจับตาบิตคอยน์ที่กลับไปแตะระดับ 90,000 ดอลลาร์ เพราะมันกลายเป็นตัวชี้วัดความเสี่ยงของนักลงทุนโดยรวมไปแล้ว”
Chris Murphy นักวิเคราะห์ที่ Susquehanna International Group กล่าวว่า “ตอนนี้นักลงทุนตั้งคำถามว่า อะไรจะมาขับเคลื่อนตลาดปลายปี หลังผ่านการประกาศงบ Nvidia และเมื่อมีแนวโน้มว่าเฟดจะไม่ลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม กลุ่มกองทุน CTA ก็มีความเสี่ยงในเชิงระบบอยู่ไม่น้อย หากตลาดลงอีกก็อาจต้องขายเพิ่ม”
Scott Rubner นักวิเคราะห์ที่ Citadel Securities กล่าวว่า “แรงขายเชิงกลไก (mechanical outflows) จะยังคงหนักในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ก่อนจะค่อย ๆ หายไป”
Greg Taylor นักวิเคราะห์ที่ PenderFund Capital Management กล่าวว่า “แรงซื้อช่วงแรกเป็นเพียงการปิดสถานะชอร์ต ตอนนี้ตลาดเริ่มคิดอย่างมีสติอีกครั้ง”
Matt Maley นักวิเคราะห์ที่ Miller Tabak กล่าวว่า “คำถามสำคัญคือ AI จะทำกำไรได้มากเท่าที่ราคาหุ้นสะท้อนอยู่หรือไม่ … เทรดเดอร์บางคนคิดว่าได้เวลาเก็บชิปออกจากโต๊ะแล้ว”
Craig Johnson นักวิเคราะห์ที่ Piper Sandler กล่าวว่า “แม้นักลงทุนจะโล่งใจหลังผลประกอบการ Nvidia แต่ตลาดยังต้องการเวลาให้ breadth หรือความกว้างของตลาดฟื้นตัวอย่างแท้จริง”
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
