รีเซต

"แห่ปิดตัว" ร้านอาหารยอดขายตก ปรับราคาเพื่ออยู่รอด

"แห่ปิดตัว" ร้านอาหารยอดขายตก ปรับราคาเพื่ออยู่รอด
TNN ช่อง16
26 พฤศจิกายน 2568 ( 11:49 )

ภาพรวมปี 2568 เป็นอีกปีที่ท้าทายอย่างมากสำหรับธุรกิจร้านอาหาร เป็นผลกระทบมาจากภาวะเศรษฐกิจ และการแข่งขันกันรุนแรงมากขึ้น ข้อมูลจาก Hungry Hub (ฮังกรี ฮับ) แพลตฟอร์มจองร้านอาหารและโรงแรม ที่มีลูกค้าพันธมิตรกว่า 2,500 ราย พบว่า ช่วงปีที่ผ่านมา ยอดขายร้านเดิมของร้านอาหารบนแพลตฟอร์ม ลดลงเฉลี่ยร้อยละ 15-20 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมฯ ที่มีการเปิดเผยออกมา

แต่ถือว่า เป็นปีที่ยอดขายร้านเดิม ลดลงมากกว่าปกติ ซึ่งปกติค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ร้อยละ 3-5 เท่านั้น กลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนัก ซึ่งยอดขายร้านเดิมลดลงไปมากกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ร้าน ยากินิคุ เทปันยากิ ร้านอาหารจีน และร้านอาหารฝรั่งเศส 

ขณะที่ กลุ่มร้านที่สามารถทำยอดขายเติบโตได้มากกว่าร้อยละ 20 ขึ้นไป เช่น ร้านอาหารในโรงแรม, กลุ่มไฟน์ ไดนิ่งที่ปรับตัว, ฮอตพอต-ชาบู และร้านสเต็กเฮ้าส์

คุณ สุรสิทธิ์ สัจจะเดว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง Hungry Hub (ฮังกรี ฮับ) ให้ความเห็นว่า ปี 2568 ถือเป็นปีที่ท้าทายมาก มีร้านค้าออกจากแพลตฟอร์มมากผิดปกติ ด้วย 2 สาเหตุคือ ปิดตัวหรือปิดกิจการไป และอีกเหตุผลคือไม่มียอดขายบนแพลตฟอร์มซึ่งร้านอาหารที่ปิดกิจการไปนั้น ยังเกิดขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า และปีนี้มีเชนร้านอาหาร ที่ทำธุรกิจมานาน 10-20 ปีก็ปิดตัวรวมถึงอีกหลาย ๆ แบรนด์ ที่ลดขนาดและลดสาขา

อย่างไรก็ดี ยังมีร้านที่สามารถทำยอดขายเติบโตได้ เนื่องจากไหวตัวทัน และมีการปรับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการทำโปรโมชัน การออกเมนูใหม่ และการขยายสาขามากขึ้น 

โดยมีลูกค้าพันธมิตรบนแพลตฟอร์มกว่า 400 รายสามารถทำยอดขายเติบโตได้ด้วย 3 เหตุผล เรื่องแรก มาจากการปรับตัว ปรับโพซิชันนิงของร้านใหม่ และเปลี่ยนจากการเน้นขายเนื้อพรีเมียม เนื้อแกะ มาเน้นเนื้อหมู ปลา และไก่ แทน เป็นต้น ทำให้ลดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวราวร้อยละ 10-15 แต่สามารถผลักดันยอดขายให้เติบโตได้กว่าร้อยละ 40 

ซึ่งร้านในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารในโรงแรม และไฟน์ ไดนิง ที่ได้รับผลกระทบจากช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากนักท่องเที่ยวหายไป จึงหันมาโฟกัสลูกค้าในประเทศกันมากขึ้น

นอกจากนี้ อีกหลายร้านยังร่วมกับแพลตฟอร์มในการจัดแคมเปญต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นยอดขาย ส่วนรายที่ไม่สามารถปรับลดเซกเมนต์ของตนเองลงได้ ก็มีการลงทุนซื้อ โฆษณา เพื่อให้ร้านค้าถูกมองเห็นได้ง่ายจากผู้ใช้งาน และสามารถสร้างยอดขายให้เติบโตขึ้นได้เช่นกัน 

คุณสุรสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ฮังกรี ฮับ เริ่มต้นมาในปี 2017 และเติบโตมาพร้อม ๆ กับร้าน คอปเปอร์ ซึ่งทำให้คนรู้จักแพลตฟอร์มมากขึ้น โดย ฮังกรี ฮับ เป็นช่องทางเสริมที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับทางร้านอาหาร ปัจจุบันมีพันธมิตรร้านค้ากว่า 2,500 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าประมาณ 800 ราย และมีผู้ใช้งานแอปพลิเคชันกว่า 1 ล้าน 2 แสนคนต่อเดือน แต่จำนวนผู้ที่จองเฉลี่ยรายเดือนจะอยู่หลักแสนราย และมีกลุ่มผู้ใช้งานสูงสุดเป็นหลักหมื่นราย โดยกลุ่มนี้ใช้บริการจองร้านอาหารบนแพลตฟอร์มเกือบ 20 ครั้งต่อปี โดยมีลูกค้าต่างชาติร้อยละ 30-40 ของยอดขาย หลัก ๆ จะมาจากเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลีใต้ มาเลเซีย และไต้หวัน

สำหรับปี 2569 บริษัทฯ ยังคงมีแผนสร้างการเติบโตต่อเนื่อง ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับทั้งร้านค้าและผู้ใช้งาน พร้อมกับตั้งเป้าเพิ่มจำนวนร้านค้าพันธมิตรเป็น 3,000 ราย 

นอกจากนี้ ยังเดินหน้าสู่การเป็น ออนไลน์ แทรเวล เอเจนต์ (OTA) สำหรับร้านอาหารระดับโลก จากปีที่ผ่านมา ได้ขยายไปประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเติบโตเร็วมาก โดยมีพันธมิตรที่สิงคโปร์แล้วกว่า 250 ร้านค้า คาดว่าปีนี้ จะสร้างยอดขายให้ร้านอาหารที่สิงคโปร์ถึง 20 ล้านบาท และจะแตะ 100 ล้านบาทในปีหน้า และขณะนี้ กำลังขยายไปยังมาเลเซีย ปัจจุบันมีพันธมิตรร้านค้าที่มาเลเซียแล้ว 50 ร้านค้า พร้อมตั้งเป้าว่าในปีหน้าจะขยายธุรกิจไปที่อื่นอีก 2-3 ประเทศ 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง