KBANKเทคแบงก์อินโด SCBมีช่องหั่นราคาบิทคับ
#KBANK #SCB #ทันหุ้น - KBANK ลงเต็มตัวเซ็นซื้อหุ้นธนาคารแมสเปี้ยน อินโดนีเซีย 67.50% มูลค่า 7,556 ล้านบาท รองรับเศรษฐกิจอินโดนีเซีย โบรกชี้ดีลเล็กแต่หุ้น KBANK ราคายังถูกให้เป้า 190 บาท ขณะที่ SCB เดินหน้าต่อรองลดราคาซื้อบิทคับ นักวิเคราะห์ชูเป็นผลบวก แม้ดีลล่มก็ไม่กระทบให้เป้า 150 บาท
นายภัทรพงศ์ กัณหสุวรรณ ประธานกรรมการ บริษัท กสิกร วิชั่น ไฟแนนเชียล จำกัด (KVF) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นแบบมีเงื่อนไข กับนายอาริม มาคุส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มแมสเปี้ยน โดย KVF จะเข้าถือหุ้นรวม 67.50% คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนไม่เกิน 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่าประมาณ 7,556 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย และสามารถเข้าทำธุรกรรมได้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2565
สำหรับการได้มาซึ่งหุ้น (Share Acquisition) โดย KVF จะซื้อหุ้นธนาคารแมสเปี้ยนอีก 30.01% ซึ่งจะทำให้การถือหุ้นของกลุ่มธนาคารกสิกรไทยเพิ่มขึ้นเป็น 40.00% จาก 9.99% ที่ธนาคารถือครองอยู่เดิมตั้งแต่ปี 2560 หลังจากนั้น KVF จะทำการซื้อหุ้นเพิ่มทุน (Rights Issue) เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มธนาคารกสิกรไทยในธนาคารแมสเปี้ยนรวมเป็น 67.50% และจะทำให้ธนาคารแมสเปี้ยนมีทุนขั้นต่ำ ประมาณ 210 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
การเข้าซื้อธนาคารแมสเปี้ยนในครั้งนี้ จะทำให้สามารถประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในประเทศอินโดนีเซียได้ ด้วยมูลค่าเงินลงทุนที่ต่ำกว่าการยื่นขอใบอนุญาตใหม่ (เงินลงทุนขั้นต่ำ 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยจะมุ่งเน้นกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ กลุ่มธุรกิจ SMEs กลุ่มลูกค้ารายย่อย โดยวางเป้าหมายเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของภูมิภาคชวาตะวันออก ภายในปี 2570
@KBANK ราคาไม่แพง
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) มีมุมมองเป็นกลางต่อการซื้อ แมสเปี้ยน BMAS เพราะเป็นดีลเล็กและสร้าง Upside ต่อกำไรสุทธิได้เพียง 0.3% โดยเงินลงทุนรอบนี้อยู่ที่ 7.6 พันล้านบาท คิดเป็น PBV ที่ 4.2x ถูกกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 4.9x แต่แพงกว่า BBL ซื้อ Permata ที่ 1.77x แต่อย่างไรก็ดี มูลค่าสินทรัพย์ อยู่ที่ 3.3 หมื่นล้านบาท (Fig 2) (คิดเป็น 0.8% ของสินทรัพย์ KBANK) และมีสินเชื่ออยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท (คิดเป็น 0.8% ของสินเชื่อ KBANK) ด้านกำไรสุทธิในปี 2564ของ BMAS อยู่ที่ 179 ล้านบาท คิดเป็นเพียง 0.3% ของกำไรสุทธิ KBANK แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 190.00 บาท เรายังคงเลือก KBANK เป็น Top Pick ของกลุ่ม เนื่องจากราคายังไม่แพง ซื้อขายเพียง 0.7 เท่า แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2 จะเพิ่มขึ้น
@ SCB บวกลดราคาบิทคับ
นางสาวยุวนารถ สุวรรณอำไพ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวถึง SCB ที่กำลังต่อรองราคาซื้อบิทคับ นั้นมีความเป็นไปได้ 3 ทาง 1.ซื้อในราคาเดิม 1.8 หมื่นล้านบาท, 2.ซื้อโดยขอต่อรองราคาในระดับที่เหมาะสม และ 3.ล้มดีล เบื้องต้นคาดการณ์ว่า SCBจะยังคงพิจารณาเพื่อเข้าซื้อบิทคับ ตามมูลค่าที่เหมาะสม ณ ปัจจุบัน เนื่องจากบิทคับมีเทคโนโลยีบล็อกเชนที่จะสามารถต่อยอดศักยภาพให้หลายกลุ่มธุรกิจของ SCBในอนาคต ทั้งนี้ยังคงต้องรอความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการกำกับดูแลของธปท. ซึ่งอยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์และรับฟังความคิดเห็น
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุเช่นกันว่า กรณีบิทคับ SCB จะไม่ซื้อราคาเดิม เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนไปซึ่งเป็นผลบวกกับ SCB ที่มีข่าวนี้ออกมา ที่ไม่ต้องซื้อแพง และมองว่าแม้ดีลล่มก็จะไม่กระทบในเชิงลบกับ SCB เป็นผลบวกมากกว่า คงแนะนำซื้อที่ราคา 150 บาท