"WTTC "คาดอุตฯ"ท่องเที่ยวโลก"ยังมีแนวโน้มสดใส

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกจะเติบโตแข็งแกร่งมากเป็นประวัติการณ์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยแม้ว่าราคาสินค้าเกือบทุกชนิดจะปรับตัวสูงขึ้นและตลาดทั่วโลกมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะถดถอย แต่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังคงมีแนวโน้มที่สดใส
WTTC ได้ออกรายงานวิจัยผลกระทบทางเศรษฐกิจประจำปี 2568 (2025 Economic Impact Research) ซึ่งเป็นรายงานประจำปีที่มีความน่าเชื่อถือมากที่สุดที่สามารถวัดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่มีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโลก
รายงานดังกล่าวคาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจโลกในปี 2568 ด้วยมูลค่า 11.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วน 10.3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของโลก ขณะเดียวกันคาดว่านักเดินทางระหว่างประเทศจะใช้จ่ายมากเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ โดยจะอยู่ที่ 2.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าสถิติสูงสุดเดิมที่ทำไว้ในปี 2562 ที่ระดับ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวระบุว่า โดยรวมแล้ว อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเติบโตอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่มีการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์หลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวมีแนวโน้มแตะระดับ 2.9 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2578
อย่างไรก็ตาม รายงานการวิจัยนี้จัดทำขึ้นก่อนที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะประกาศใช้มาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับประเทศต่าง ๆ ประมาณ 90 ประเทศทั่วโลก ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้ต้นทุนสินค้าปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งจำกัดการเข้าถึงเที่ยวบิน และทำให้นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายสูงนั้น มีรายได้เหลือใช้น้อยลง
มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของทรัมป์เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วในวันนี้ (9 เม.ย.) โดยอัตราภาษีจะแตกต่างกันไปเป็นรายประเทศ ขึ้นอยู่กับการตั้งกำแพงภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีของประเทศต่าง ๆ ที่มีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐ ส่วนภาษีศุลกากรพื้นฐาน 10% ที่เรียกเก็บกับสินค้าจากทุกประเทศที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ นั้น มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย.