รีเซต

ตราบาปที่ยังไม่จบของแคนาดา กับการขุดศพเด็กพื้นเมืองที่ยิ่งขุดก็ยิ่งเจอ

ตราบาปที่ยังไม่จบของแคนาดา กับการขุดศพเด็กพื้นเมืองที่ยิ่งขุดก็ยิ่งเจอ
TNN ช่อง16
10 พฤศจิกายน 2564 ( 15:34 )
82

หัวหน้าชุมชนชนเผ่าในแคนาดา ยังคงเดินหน้าขุดหาหลุมศพของเด็กนักเรียนชนเผ่าที่ถูกเกณฑ์เข้าไปเรียนในโรงเรียนประจำใกล้กับเมืองโตรอนโต ของแคนาดา พร้อมกับเรียกร้องให้มีการเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับการ "ทำร้าย/ทรมาน" เด็ก ๆ ชนเผ่าพื้นเมือง ที่ถูกบังคับให้เข้าเรียนในโรงเรียนประจำเหล่านี้ในช่วงศตวรรษที่ 19 เป็นระยะเวลานานเกือบศตวรรษ ที่มีระบบดังกล่าว


◾◾◾

🔴 การค้นหาศพเด็กยังดำเนินต่อเนื่อง


การค้นหาได้เริ่มต้นอีกครั้งเมื่อวันอังคาร หลังจากที่มีการวางแผนกันมายาวนานหลายเดือน รวมถึงการฝึกซ้อมของทางตำรวจ, สมาชิกชุมชน First Nation เพื่อใช้เรดาร์ในการสแกนพื้นที่ของสถาบันโมฮอก ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำในเมือง แบรนท์ฟอร์ด จังหวัดออนแทริโอ หนึ่งในโรงเรียนประจำที่เก่าแก่ที่สุดของแคนาดา


คาดว่า การค้นหาและการวิเคราะห์ถึงผลของการสืบค้น น่าจะต้องใช้เวลานานกว่า 2 ปี


นี่คือ 1 ในการดำเนินการค้นหารหลุมศพที่ยังคงตกค้างอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งนับตั้งแต่ที่มีการเริ่มขุดพบเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ล่าสุด พบหลุมศพแล้วมากกว่า 1,200 หลุม จากอดีตโรงเรียนประจำในจังหวัดบริติช โคลอมเบีย และซัสคัทเชวัน


มาร์ก ฮิลล์ ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นหัวหน้า 6 ชนเผ่าแห่งแกรนด์ ริเวอร์ ระบุว่า การเดินหน้าค้นหาหลุมศพเหล่านี้ "เป็นก้าวย่างแรกในการนำพาเด็ก ๆ กลับคืนสู่บ้านของพวกเขา"


"ถึงแม้ว่า กระบวนการจะยากเย็นและคาดเดาไม่ได้ แต่ทาง 6 ชนเผ่า ก็คาดหวังว่าพวกเรา ในฐานะมนุษย์ ก็จะได้รับการเยียวยาไปด้วยกัน และท้ายสุดก็จะสามารถนำพาเด็ก ๆ กลับคืนสู่บ้านของพวกเขาได้" ฮิลล์ กล่าว


◾◾◾

🔴 'โรงเรียนประจำ' ตราบาปในอดีตของแคนาดา


ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา การขุดพบหลุมศพเด็กมากกว่า 200 หลุม ก่อนที่จะพบตามมาอีกหลายร้อยหลุม ซึ่งบางคนอายุเพียง 3 ขวบ ถูกฝังอยู่ใต้ตึกแห่งหนึ่งที่เคยเป็นโรงเรียนประจำในรัฐบริติช โคลอมเบีย ของประเทศแคนาดา กลายเป็นหนึ่งในตราบาปอย่างที่สุดของนโยบายในอดีตของแคนาดา


ย้อนกลับไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ช่วงปลาย ๆ ยุค 1800 นั้น ในยุคที่คนขาวและชาวคริสต์เข้าไปในพื้นที่ ได้มีนโยบายในการ "ปรับปรุง" พฤติกรรมของชนเผ่าพื้นเมืองที่เรียกกันว่า "First Nation" ด้วยวิธีการสร้าง "โรงเรียนประจำ" ขึ้นทั่วประเทศ โดยเป็นโรงเรียนคริสเตียน ที่มีบาทหลวงและแม่ชีดูแล โดยรัฐบาลให้การสนับสนุนด้านเงินทุน


โรงเรียนประจำที่พบศพเด็กล่าสุดนี้ มีชื่อว่า Kamloops Indian Residential School ในเมืองแคมลูปส์ รัฐบริติช โคลอมเบีย ที่เพิ่งถูกปิดลงในปี 1978 โดยโรงเรียนแห่งนี้ เป็นโรงเรียนที่ใหญ่ที่สุดในจำนวน 139 แห่งทั่วประเทศ ที่ตั้งขึ้นมาในวัตถุประสงค์ดังกล่าว


มีรายงานว่า พวกคนขาว ได้ไปพราก "เด็กชนเผ่าพื้นเมือง" มากกว่า 150,000 คน จากครอบครัว มาเข้าที่โรงเรียนประจำเหล่านี้ เพื่อ "ปรับพฤติกรรม" ของเด็กพื้นเมือง ให้หันมาใช้ชีวิตแบบคนขาว เด็ก ๆ ต้องทิ้งวัฒนธรรม, ประเพณี และทุกอย่างที่เกี่ยวกับชนเผ่าทิ้งลง ห้ามพูดภาษาพื้นเมือง เพื่อให้มีความศิวิไลซ์


หรืออีกนัยหนึ่ง ก็คงไม่ต่างจากล้างสมองเด็ก เพราะต้องการให้เด็กหันมาใช้ชีวิตแบบคนขาวและละทิ้งวัฒนธรรมเก่า ๆ ของตัวเอง แต่หากเมื่อบังคับ หรือล้างสมองเด็กไม่ได้ ก็มีการทำร้ายร่างกายกันอย่างสยดสยอง, การข่มขืน, ให้อดอาหารและการทรมานในรูปแบบอื่น ๆ ต่อเด็กจำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่ามีเด็กที่เสียชีวิตระหว่างการเรียนในโรงเรียนประจำนี้มากถึง 6,000 คน


◾◾◾

🔴 ทรูโด ให้คำมั่นจะช่วยด้านการเงิน นำพาเด็ก ๆ กลับบ้าน


จากการพบศพเด็กชนเผ่าพื้นเมือง 215 ศพ นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ย้ำว่า นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดด ๆ และจะนำมาใช้เป็น "ข้ออ้างใด ๆ ไม่ได้" พร้อมกับให้คำมั่นว่า "การค้นพบนี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะนำมาสู่การเปิดเผยความจริงว่า ในอดีตเคยเกิดอะไรขึ้นเมื่อในบ้าง? เราจะไม่ปิดบังความจริง ว่าโรงเรียนประจำนั้น มันเป็น 'โศกนาฏกรรม' ที่เคยเกิดขึ้นจริง ในประเทศของเรา"


"ในฐานะพ่อ ผมจินตนาการไม่ออก ว่าผมจะรู้สึกอย่างไร หากลูก ๆ ถูกพรากออกไปจากผม...และในฐานะนายกรัฐมนตรี นโยบายนี้ (โรงเรียนประจำ) เป็นนโยบายที่น่าอับอาย ในการพรากเด็ก ๆ ชนเผ่าพื้นเมือง ออกไปจากชุมชนของพวกเขา โดยที่เด็กบางคนไม่เคยได้กลับไปหาครอบครัวพวกเขาอีกเลย" ทรูโด กล่าว


พร้อมกันนี้ นายกฯ ทรูโด ประกาศว่าเขาจะเร่งหารือกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ และให้ความช่วยเหลือด้านการเงินอย่างเต็มที่


ขณะที่อาคารที่ทำการหลายแห่งของรัฐบาล ได้ลดธงลงครึ่งเสา อีกทั้งรองเท้าเด็กจำนวนมาก ถูกนำไปวางไปที่หน้าอาคารรัฐสภาในเมืองออตตาวา และหน้าโบสถ์หลายแห่งทั่วประเทศ เพื่อร่วมไว้อาลัยให้กับวิญญาณของเด็ก ๆ เหล่านี้ ที่แม้ว่าจะเสียชีวิตมานานหลายสิบปีแล้วก็ตาม โดยเหตุการณ์เหล่านี้ ดำเนินมาเรื่อยมา จนถึงปี 1998 เลยทีเดียว

—————

เรื่อง: ภัทร จินตนะกุล

ภาพ: Reuters

ข่าวที่เกี่ยวข้อง