5 ปีสู่โลกเดือด! โลกร้อนทะลุจุดวิกฤต เสี่ยงหายนะทั่วโลก

ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเตือนภัยเกี่ยวกับ อนาคตสภาพอากาศทั่วโลก 5 ปีข้างหน้ากับโลกร้อนจากโลกอุ่นสู่โลกเดือด
โลกของเรากำลังเดินหน้าสู่จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่จากภาวะโลกร้อนสู่สภาวะ “โลกรวน” อย่างเต็มตัว รายงานการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) สำหรับช่วงปี 2025–2029 ที่เพิ่งเผยแพร่ออกมา เป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนที่น่าตกใจที่สุดจากการติดตามสภาพภูมิอากาศโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
การคาดการณ์ระบุว่า มีโอกาสสูงถึง 80% ที่หนึ่งในห้าปีข้างหน้าจะกลายเป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ แซงหน้าปี 2024 ที่หลายเมืองในเอเชียใต้เคยเผชิญอุณหภูมิทะลุ 52 องศาเซลเซียส และยังมีโอกาสถึง 86% ที่อุณหภูมิของโลกจะเกิน 1.5°C เหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม อย่างน้อยหนึ่งปี ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด เพราะจะนำไปสู่ผลกระทบที่รุนแรงและควบคุมได้ยาก
ภัยจากอุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้นนี้ ไม่ได้หมายถึงแค่ความร้อนที่มากขึ้น แต่ยังรวมถึงความปั่นป่วนของระบบธรรมชาติทั้งหมด โลกจะเผชิญกับคลื่นความร้อนที่รุนแรงบ่อยครั้งขึ้น พายุที่เกิดถี่และรุนแรงมากขึ้น ภัยแล้งยาวนาน และฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ปัญหาน้ำและอาหารจะทวีความรุนแรง โดยเฉพาะในภูมิภาคเปราะบาง พืชผลเสียหาย น้ำสะอาดขาดแคลน และความมั่นคงทางอาหารจะถูกคุกคามอย่างหนัก
ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ ภูมิภาคอาร์กติกกำลังร้อนขึ้นเร็วกว่าค่าเฉลี่ยของโลกถึง 3 เท่า ในฤดูหนาวบางปีอุณหภูมิอาจพุ่งสูงกว่าค่าปกติถึง 2.4°C ส่งผลให้น้ำแข็งทะเลละลายเร็วขึ้นและกระทบต่อระบบภูมิอากาศทั่วโลก
สิ่งที่ยิ่งตอกย้ำถึงความเหลื่อมล้ำของผลกระทบคือ ไม่ใช่ทุกพื้นที่จะได้รับผลเหมือนกัน พื้นที่บางแห่ง เช่น ยุโรปตอนเหนือ ไซบีเรีย และอลาสก้า อาจมีฝนตกมากขึ้น ในขณะที่ป่าแอมะซอนอาจแห้งแล้งลง เสี่ยงต่อการเสื่อมโทรมและสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ท่ามกลางวิกฤตที่ใกล้เข้ามานี้ เราไม่อาจอยู่เฉยได้ ทั้งในระดับรัฐบาลและระดับประชาชน รัฐบาลควรเร่งปรับแผนด้านภูมิอากาศให้สอดคล้องกับข้อมูลล่าสุด ลงทุนในพลังงานสะอาด และสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ทนต่อภัยธรรมชาติ ส่วนประชาชนควรช่วยกันลดการใช้พลังงาน ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ สนับสนุนธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และผลักดันนโยบายที่รับผิดชอบต่อโลกของเรา
5 ปีข้างหน้าอาจดูใกล้เกินกว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ทัน แต่หากทุกฝ่ายลงมือทำทันที ทุกการกระทำก็มีความหมาย โลกยังมีโอกาส...ถ้าเราไม่ปล่อยให้มันเดือดจนสายเกินไป
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
