รีเซต

รัฐบาลโผล่แจง 'จำนำข้าว' เหลือรอระบายกว่า 2 แสนตัน ขาดทุน กว่า 5 แสนล้าน!

รัฐบาลโผล่แจง 'จำนำข้าว' เหลือรอระบายกว่า 2 แสนตัน ขาดทุน กว่า 5 แสนล้าน!
ข่าวสด
11 ธันวาคม 2564 ( 09:52 )
44
รัฐบาลโผล่แจง 'จำนำข้าว' เหลือรอระบายกว่า 2 แสนตัน ขาดทุน กว่า 5 แสนล้าน!

"รัชดา ธนาดิเรก" รองโฆษกรัฐบาล เผย เหลือข้าวรอระบายโครงการจำนำข้าวกว่า 2 แสนตัน ขาดทุนไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้าน จ่ายคืน ธ.ก.ส. อีก 1 แสนล้าน

 

เมื่อวานนี้ (10 ธันวาคม) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า แม้โครงการจำนำข้าวจะยุติลงหลายปีแล้ว แต่ภาระงบประมาณยังคงมีต่อ ซึ่งทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รายงานว่า ในปีงบประมาณ 2565 สำนักงบประมาณได้ตั้งงบชำระหนี้ให้ ธ.ก.ส. จำนวน 6.9 หมื่นล้านบาท น้อยกว่าปีก่อนหน้า โดยปัจจุบันรัฐบาลยังมีภาระหนี้จากโครงการดังกล่าวที่ต้องชำระคืนให้กับ ธ.ก.ส. จำนวน 1 แสนล้านบาท คาดว่าสำนักงบประมาณจะมีการตั้งงบประมาณเพื่อจ่ายหนี้ปีละ 10-20% ของงบประมาณรายจ่าย ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3-5 ปีจึงจะชำระหนี้หมด

 

ขณะที่ องค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้เตรียมปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว ซึ่งยังมีข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลที่ได้จากการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีและข้าวเปลือกนาปรังของรัฐบาลที่ผ่านๆ มา ที่รอการระบายอีกประมาณ 220,000 ตัน ทั้งหมดเป็นข้าวเสื่อมคุณภาพ ต้องขายเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมเท่านั้น คนและสัตว์บริโภคไม่ได้ โดย อคส. ตั้งเป้าหมายระบายให้หมดภายในเดือนกันยายน 2565 เมื่อเปิดให้มีการระบายจนหมดแล้ว จะทำให้สามารถปิดบัญชีโครงการรับจำนำได้ แล้วถึงจะทราบว่ามีผลขาดทุนเท่าไร โดยเบื้องต้นประมาณ 5 แสนล้านบาทจากการทุจริตในโครงการจำนำข้าว ปีการผลิต 2554-2557 ซึ่งได้มีการส่งฟ้องร้องดำเนินคดีไปแล้วรวม 1,143 คดี และผลขาดทุนดังกล่าวยังไม่รวมผลขาดทุนจากการที่ต้องขายข้าวในราคาต่ำในการประมูลข้าวสารในสต๊อกในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากข้าวยิ่งเก่ายิ่งขายได้ราคาต่ำ รวมทั้งยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่รัฐต้องจ่าย เช่น ค่าเช่าคลังสินค้าเพื่อฝากเก็บข้าวสารในสต๊อก เป็นต้น

 

น.ส.รัชดา ยังกล่าวต่ออีกว่า สำหรับโครงการประกันรายได้ที่รัฐบาลจ่ายเฉพาะเงินส่วนต่างระหว่างราคาประกันและราคาตลาด โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง โดยไม่มีภาระเรื่องการเก็บสต๊อก เพราะเกษตรกรเป็นผู้เก็บเพื่อจำหน่ายเอง ขณะนี้อยู่ในช่วงการจ่ายเงินสวนต่างงวดที่ 3-7 (9-14 ธันวาคม) ส่วนงวดที่เหลือ คือ 8-33 จะทยอยจ่ายในลำดับต่อไป ซึ่งจะมีพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ได้รับประโยชน์โดยตรงทันทีกว่า 4.7 ล้านครัวเรือน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง