คนเวียดนามนิยมซื้อรถนำเข้า โอกาสไทยส่งออก

ตามรายงานของสมาคมผู้ผลิตยานยนต์เวียดนาม ระบุว่า ในเดือนกันยายน 2568 รถยนต์นำเข้ามียอดขายแซงหน้ารถยนต์ประกอบในประเทศ
“ยอดขายของสมาชิกสมาคมผู้ผลิตยานยนต์เวียดนาม รวมทุกประเภท 30,688 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2568 แต่ลดลงร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน”
ยอดขายรถยนต์นำเข้าแบบประกอบสำเร็จรูปทั้งคัน (CBU) เพิ่มขึ้นมากกว่า ยอดขายรถยนต์แบบประกอบสำเร็จที่มีการประกอบภายในประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่ผู้บริโภคหันมาสนใจรถยนต์นำเข้ามากขึ้น
“รถยนต์นำเข้ามีจำนวน 16,261 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ในขณะที่รถยนต์ประกอบในประเทศ จำนวน 14,427 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14”
การเติบโตดังกล่าวเป็นสัญญาณว่าภาคส่วนยานยนต์กำลังฟื้นตัวอีกครั้งหลังจากช่วงครึ่งปีแรกที่ลดลง เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นในช่วงสิ้นปี โดยรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมียอดขาย 20,559 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 19) รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 9,535 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 14) และรถยนต์อเนกประสงค์ 594 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 97)
การฟื้นตัวของตลาดรถยนต์ในเดือนกันยายน 2568 ได้รับแรงหนุนจากความต้องการของผู้บริโภคที่แข็งแกร่งขึ้นก่อนเทศกาลปีใหม่เวียดนาม เนื่องจากตัวแทนจำหน่ายได้อัดโปรโมชั่น ให้ส่วนลดเพิ่ม อัตราดอกเบี้ยพิเศษ และให้การสนับสนุนค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน
นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์ที่ลดลงยังช่วยเพิ่มการเข้าถึงสินเชื่อเช่าซื้อ โดยเฉพาะ สำหรับผู้ซื้อรายบุคคลและธุรกิจขนาดเล็ก ในขณะที่อุปทานที่ล้นตลาดและการเปิดตัวรุ่นใหม่ๆ ยิ่งกระตุ้นความรู้สึกในการซื้อมากขึ้น
ถ้าดูยอดรวม 9 เดือน ตั้งแต่เดือนม.ค.ถึงกันยายน 2568 พบว่า ยอดขายรถยนต์จากสมาชิกภายใต้สมาคมผู้ผลิตยานยนต์เวียดนามรวมอยู่ที่ 251,421 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน” โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 รถยนต์เพื่อการพาณิชย์เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 และรถยนต์อเนกประสงค์เพิ่มขึ้นร้อยละ 70
ส่วนการนำเข้า พบว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 รถยนต์นำเข้ามียอดขาย 131,503 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 ส่วนรถยนต์ประกอบภายในประเทศ มีจำนวน 119,918 คัน เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 6 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในความต้องการของผู้บริโภค
ผู้เชี่ยวชาญในตลาดรถยนต์ของเวียดนาม ระบุว่า ความแตกต่างระหว่างรถยนต์ที่นำเข้าและประกอบในประเทศเกิดจากปัจจัยหลัก 3 ประการได้แก่
1. อุปทานนำเข้าฟื้นตัว เนื่องจากผู้ผลิตทั่วโลกสามารถฟื้นฟูเครือข่ายโลจิสติกส์ที่หยุดชะงักไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
2. รถยนต์นำเข้ามีข้อได้เปรียบด้านการออกแบบและเทคโนโลยี มีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย โดยเฉพาะ ในกลุ่ม SUV ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งล้วนได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้ซื้อและธุรกิจรุ่นใหม่
3. ผู้ผลิต และประกอบรถยนต์ในประเทศต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น เนื่องจากส่วนประกอบ โลจิสติกส์ และค่าแรงแรงงานที่มีอัตราสูง ในขณะที่อัตราการผลิตในท้องถิ่นยังคงต่ำ อยู่ที่ประมาณร้อยละ 10–15 สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 9 ที่นั่ง แม้รัฐบาลจะพยายามส่งเสริมอุตสาหกรรมสนับสนุน แต่ความคืบหน้าที่ล่าช้าทำให้ต้นทุนการผลิตในประเทศยังคง สูงกว่าการนำเข้าจากไทยและอินโดนีเซีย ซึ่งได้รับประโยชน์จากภาษีนำเข้าร้อยละ 0 ภายใต้ข้อตกลง ATIGA(ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน)
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงกรุงฮานอย ของไทย ให้ความเห็นว่า ความต้องการรถยนต์ในเวียดนามมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากความต้องการซื้อรถยนต์รุ่นใหม่ ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค พร้อมกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการเวียดนาม ตลาดรถยนต์ของเวียดนามปี 2568 กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวอย่างชัดเจน ทั้งในด้านยอดขายและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
แม้ในช่วงต้นปีมีการชะลอตัวเล็กน้อย แต่ภาพรวมยังเป็นบวกอย่างมีนัยสำคัญ สาเหตุหนึ่งมาจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัว อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง และนโยบายกระตุ้นการบริโภคของรัฐบาลที่ช่วยเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน
ในขณะเดียวกัน ตลาดรถยนต์ภายในประเทศของเวียดนามเองก็เริ่มกลับมาคึกคัก ผู้ผลิตและผู้ประกอบการในประเทศ เช่น VinFast, Thaco(ทาโค) และ Toyota Vietnam ได้ปรับกลยุทธ์การผลิตและการตลาดให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่มากขึ้น โดยมุ่งเน้นทั้งในด้านรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ราคากลางถึงระดับพรีเมียม
“ถ้าดูรถยนต์นำเข้ายังคงครองสัดส่วนสำคัญของตลาด รถยนต์นำเข้ามียอดขายเติบโตอย่างโดดเด่นถึงร้อยละ 35 สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคมีแนวโน้มเลือกใช้รถที่มีคุณภาพสูงจากต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะจากไทย จีน และอินโดนีเซีย เนื่องจากมีความหลากหลายของรุ่น คุณภาพ และราคาแข่งขันได้ ทำให้ผู้บริโภคเวียดนามมีทางเลือกมากขึ้น”
มีรายงานว่า ผู้บริโภคชาวเวียดนามนิยมรถยนต์สำเร็จรูปที่นำเข้าจากไทยมากขึ้น เนื่องจากแบบที่ทันสมัย ทนทานสูง และมีราคาที่สามารถแข่งขันได้ โดยไทยเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตรถยนต์จีนหลายแบรนด์ที่มีการดำเนินงานอยู่ในเวียดนาม เช่น MG และ Haval ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้นในตลาดรถยนต์นำเข้า
เมื่อช่วงเดือนเมษายน ปีนี้ เวียดนามนำเข้ารถยนต์รวม 65,251 คัน โดยนำเข้าจากไทยมากที่สุด 24,052 คัน คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 465 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนอินโดนีเซียอยู่อันดับที่สองในด้านปริมาณและอันดับสามในด้านมูลค่า สลับกับจีนซึ่งครองอันดับสามในด้านปริมาณ แต่อยู่ที่อันดับสองในด้านมูลค่า
เมื่อรวมกันแล้ว รถยนต์นำเข้าจากทั้งสามประเทศคิดเป็นสัดส่วนสูงถึงประมาณร้อยละ 95 ของการนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปทั้งหมดของเวียดนามในช่วงเวลาดังกล่าว
มีการประเมินต่อว่า ตลาดรถยนต์เวียดนามเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การเปิดตัวรถรุ่นใหม่ และกลยุทธ์ของผู้ผลิตที่มุ่งเน้นเทคโนโลยีสะอาดมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ของเวียดนามในระยะยาว
การเติบโตของกำลังซื้อในตลาดควบคู่ไปกับความต้องการรถยนต์นำเข้าของเวียดนาม ส่งผลให้เวียดนามมีการนําเข้ารถยนต์เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าการบริโภครถยนต์จะเติบโตตามอัตราการขยายตัวของชนชั้นกลางและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการ
การที่เวียดนามนำเข้ารถยนต์เพิ่มขึ้นยังเป็นสัญญาณที่ดีต่อรไทย เนื่องจากไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์สำคัญของภูมิภาคอาเซียน การฟื้นตัวของตลาดเวียดนามจึงเปิดโอกาสให้ผู้ส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์จากไทยสามารถขยายตลาดได้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยเสริมบทบาทของไทยในห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับภูมิภาคให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถกระบะที่เป็นสินค้าหลักของไทยรถยนต์เวียดนาม
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
