‘วายแอลจี’ ยันทองคำระยะยาวยังขึ้นได้อีก เชื่อได้เห็นพุ่งแตะ 27,500 แน่นอน
วันที่ 27 เมษายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวราคาทองคำในประเทศว่า สมาคมค้าทองคำมีการปรับราคาทองคำขึ้น 1 ครั้ง โดยปรับครั้งแรกขึ้นทันที 100 บาท ทำให้ราคาทองแท่งขายออก อยู่ที่บาท (บาททองคำ) ละ 26,250 บาท รับซื้อ 26,050 บาท ส่วนทองรูปพรรณ ขายออก 26,750 บาท รับซื้อ 25,574.92 บาท ส่วนทองสปอตอยู่ที่ 1,717 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ อัตราแลกเปลี่ยน 32.48 บาทต่อเหรียญสหรัฐ โดยราคาทองคำวันนี้ปรับลดลง 100 บาท หากเทียบกับราคาทองคำในวันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงราคา
โดยนางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ทองคำยังเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกว่าปัจจัยสนับสนุนหลักอย่างการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะคลายตัว เนื่องจากโควิด-19 ส่งผลกระทบทุกอุตสาหกรรม ทั้งภาคผลิต ภาคการบริการ และภาคการเงิน ไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปทั่วโลก สะท้อนได้จากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ของหลายประเทศ ที่ออกมาติดลบ และค่อนข้างน่าเป็นห่วง
จึงทำให้ทองคำกลับมาได้รับความสนใจสูงมากอีกครั้งในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย โดยแม้ไวรัสจะจบลงได้ ก็ยังเชื่อว่าราคาทองคำคงไม่ได้ปรับลดลงแบบทิ้งตัวลงมาทีเดียวแต่น่าจะเป็นการทยอยปรับลดลงมากกว่า เพราะปัจจัยสนับสนุนให้ราคาทองคำขึ้นต่อเนื่อง ยังมีเรื่องเศรษฐกิจโลกที่เชื่อว่าคงไม่ได้กลับมาฟื้นตัวดีขึ้นได้ง่ายๆ โดยมองว่าราคาทองคำไทยน่าจะแตะระดับ 27,500 บาทได้ภายในปีนี้
นางสาวฐิภากล่าวว่า ราคาทองคำในปัจจุบัน ปรับขึ้นมาทดสอบระดับ 1,700 เหรียญสหรัฐ ซึ่งกว่าจะผ่านได้ ก็เคลื่อนไหวทะลุขึ้นมาประมาณ 3 รอบ ซึ่งพอผ่านระดับดังกล่าวได้แล้ว ก็ปรับขึ้นไปทดสอบระดับ 1,750 เหรียญสหรัฐก่อนจะปรับลดลงบ้างในระหว่างทาง เนื่องจากราคาไม่ได้ปรับขึ้นไปเพียงอย่างเดียว เพราะมีกลุ่มที่เข้ามาเก็งกำไรในตลาดทองคำเพิ่มมากขึ้น
โดยระยะสั้นทองคำต้องกลับขึ้นไปทดสอบระดับ 1,750 เหรียญสหรัฐอีกครั้ง ซึ่งหากผ่านไปได้ เป้าหมายถัดไปจะอยู่ที่ระดับ 1,800 เหรียญสหรัฐ โดยหากทุกอย่างฟื้นตัว อาจทำให้ราคาทองคำปรับลดลง เพราะผลตอบแทนในตลาดหุ้น อาจจะปรับสูงกว่าขณะนี้ ทำให้นักลงทุนโยกเม็ดเงินจากเดิมที่โถมมาลงทุนในตลาดทองคำกลับไปลงทุนในตลาดหุ้นแทน เพราะขณะนี้ก็ถือว่าทองคำให้ผลตอบแทนได้ค่อนข้างดี ทำให้นักลงทุนคงไม่ได้เลิกซื้อสะสมทองคำไปเลย แต่อาจปรับสัดส่วนในการลงทุนให้เหมาะสมแทน
“ภาพรวมราคาทองคำเคลื่อนไหวแกว่งตัว โดยหากราคาทองคํายังไม่สามารถยืนเหนือบริเวณ 1,736-1,747 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ได้ จะทําให้เกิดการอ่อนตัวลงของราคา โดยประเมินแนวรับบริเวณที่บริเวณ 1,711-1,705 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หากไม่สามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้ ราคามีโอกาสขยัยลงมาทดสอบแนวรับถัดไปบริเวณ 1,692 เหรียญสหรัฐต่อ ออนซ์ สำหรับกลยุทธ์ที่แนะนำในการลงทุนคือ ในบริเวณ 1,736-1,747 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หากราคาไม่สามารถขึ้นไปยืนเหนือแนวดังกล่าวได้ อาจเปิดสถานะขายโดยมีเป้าหมายทํากําไรระยะสั้นที่บริเวณ 1,711-1,705 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ แตหากหลุดและรับความเสี่ยงได้มาก อาจชะลอการทํากําไรออกที่แนวรับบริเวณ 1,692 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์” นางสาวฐิภากล่าว