รีเซต

เจออีก 3 ราย ออกจากไทยไปญี่ปุ่น-ตรวจพบโควิด สธ.ตามกลุ่มเสี่ยง เร่งหาต้นตอ?

เจออีก 3 ราย ออกจากไทยไปญี่ปุ่น-ตรวจพบโควิด สธ.ตามกลุ่มเสี่ยง เร่งหาต้นตอ?
ข่าวสด
11 กันยายน 2563 ( 15:12 )
51
เจออีก 3 ราย ออกจากไทยไปญี่ปุ่น-ตรวจพบโควิด สธ.ตามกลุ่มเสี่ยง เร่งหาต้นตอ?

 

เจออีก 3 ราย ออกจากไทยไปญี่ปุ่น-ตรวจพบโควิด สธ.ตามกลุ่มเสี่ยง เร่งหาต้นตอ กรมควบคุมโรค รับหาต้นตอผู้ต้องขังติดโควิดได้ยาก แต่ยืนยันไม่มีระบาดต่อ

วันที่ 11 ก.ย. นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการสอบสวนหาต้นตอผู้ต้องขังดีเจติดโควิด 19 ว่า

 

การติดเชื้อในประเทศหลังจากควบคุมโรคได้ดี การจะหาว่า ติดที่ไหน เมื่อไร จากใคร เป็นเรื่องยาก ซึ่งเป็นเหมือนกันทุกประเทศ แต่ที่เราดำเนินการคือการสอบสวนโรค จุดตัดสำคัญ คือ วันที่ 26 -27 ส.ค. ที่ไปขึ้นศาลและเข้าเรือนจำจากการสอบสวนไปข้างหน้าและย้อนหลังจากจุดนี้ไป ทำให้ค้นพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำกว่า 1 พันราย แต่ตรวจแล้วไม่มีใครติดเชื้อ คนภายนอกก็ไม่มีโอกาสที่จะติดเชื้อจากผู้ป่วยรายนี้

 

หมายความว่า นัยยะของการระบาดที่เกิดจากผู้ป่วยรายนี้ไม่มีแล้ว แต่เราไม่ได้นิ่งเฉย มีการตรวจหาสายพันธุ์พบว่า เป็นสายพันธุ์ G ที่ระบาดอยู่ทั่วโลกขณะนี้ สมมติฐานคืออาจจะรับเชื้อมาจากคนที่มีเชื้อในประเทศ แต่มีเชื้อน้อยๆ ก็ได้ หรืออาจจะติดมาจากคนที่มาจากต่างประเทศก็ได้ ด้วยลักษณะงานของเขา โดยเฉพาะในช่วงการผ่อนปรน แต่ถ้าพบเป็นสายพันธุ์ S การอธิบายเรื่องนี้จะเป็นอีกอย่างหนึ่ง เพราะเป็นสายพันธุ์ที่มาจากจีน จะมีคำถามตามมามาก เพราะบ้านเราไม่มีสายพันธุ์นี้แล้ว

 

"ความเสี่ยงสำคัญของไทยตอนนี้ คือ การนำเชื้อมาจากต่างประเทศ สิ่งที่ทำต่อคือการตรวจเชิงรุกในกลุ่มแรงงานต่างด้าว ทั้งมาถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย จะตรวจสอบและเฝ้าระวังทั้งหมด บนพื้นฐานความเชื่อเอาไว้ก่อนว่ามีการลักลอบเข้ามาในประเทศแน่ อีกส่วนคือการตรวจเชิงรุกแถบชายแดนให้มากขึ้น ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านก็กลัวคนที่เดินทางจากไทยเหมือนกัน จึงต้องมีการประสานงาน 2 ประเทศเพื่อลดความเสี่ยงของทั้งคู่ ทั้งเรื่องการตรวจจับและตรวจวิเคราะห์ให้เร็วและมีมาตรฐาน" นพ.สุวรรณชัยกล่าว

 

นพ.สุวรณณชัยกล่าวว่า สถานบริการ สถานบันเทิงมีความเสี่ยง ซึ่งเราไม่ได้ไปตีตรา แต่การใช้บริการสถานที่เหล่านี้จะต้องมีการถอดหน้ากาก จึงถือเป็นกิจการที่มีความเสี่ยงอยู่ในตัว ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มาประชุมและซ้อมแผนเผชิญเหตุ เพื่อให้สามารถจัดการปัญหาได้ตรงที่สุด ไม่อย่างนั้นจะมีเหตุการณ์ 2 แบบคือ ทำน้อยเกินไป กับเกินกว่าเหตุ

 

ส่วนกรณีคนตั้งข้อสันนิษฐานว่าผู้ต้องขังรายนี้ติดมาจากฟลอยด์บรรจุอะไรหรือไม่ ถ้าเชื้ออยู่นอกร่างกายจะอยู่ได้ไม่นาน กรณีเจอในแซลมอนหรืออาหารแช่แข็ง เนื่องจากมีสภาพอากาศเอื้ออำนวยให้เชื้ออยู่ได้นานขึ้น แต่ถ้าเป็นฟลอยด์ห่ออะไรสักอย่างด้วยสภาพอากาศที่ร้อน ไม่เอื้ออำนวยก็ทำให้เชื้อมีอายุสั้น อย่างไรก็ตาม ถ้าทุกฝ่ายสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า และล้างมือจะลดความเสี่ยงได้

 

นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า สำหรับการพบผู้เดินทางจากไทยไปญี่ปุ่นติดโควิด 19 มีจำนวน 5 เหตุการณ์ โดย 2 เหตุการณ์เดิมที่เคยรายงานไปแล้ว คือ ชายไทยอายุ 24 ปี และชายญี่ปุ่นอายุ 47 ปี ตอนนี้พบเพิ่มอีก 3 เหตุการณ์ เป็นชายญี่ปุ่น อายุ 64 ปี อาชีพผู้จัดการทั่วไป บริษัทแห่งหนึ่งในเขตบางนา เข้าไทยและพักที่คอนโดย่านสุขุมวิท เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2559 เดินทางไปต่างประเทศครั้งสุดท้ายเมื่อม.ค. 2563 อาศัยอยู่คนเดียวไม่มีครอบครัว

 

วันที่ 17 ส.ค. คืนห้องพักและย้ายไปพักที่โรงแรมย่านสุขุมวิท และเดินทางกลับญี่ปุ่นวันที่ 20 ส.ค. เมื่อไปถึงสนามบินฮาเนดะได้มีตรวจหาเชื้อโดยตัวอย่างจากน้ำลาย พบผลบวก จากการสอบสวนผู้สัมผัสใกล้ชิด ระหว่างวันที่ 21-23 ส.ค.

และวันที่ 9 ก.ย. มีผู้สัมผัส 76 คน ในที่ทำงาน โรงแรม และคอนโดมิเนียม เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 22 คน และเสี่ยงต่ำ 54 คน ตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการทั้งหมด 50 คน ผลไม่พบเชื้อ

 

นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า อีกรายเป็นชายไทย อายุ 21 ปี อยู่เขตคลองสามวา กำลังเดินทางไปศึกษาที่ญี่ปุ่น จึงตรวจโควิด 19 ที่ รพ.รามาธิบดี วันที่ 27 ส.ค. ให้ผลลบ เดินทางถึงญี่ปุ่นวันที่ 29 ส.ค. ตรวจหาเชื้อโดยตัวอย่างจากน้ำลาย พบผลบวก จากการสอบสวนโรคไม่พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง

 

และสุดท้ายเป็นชายไทย อายุ 44 ปี อยู่ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เดินทางไปญี่ปุ่นทุก 3 เดือน เพื่อซื้ออะไหล่ ครั้งนี้เดินทางถึงญี่ปุ่นวันที่ 1 ก.ย. ตรวจหาเชื้อโดยตัวอย่างจากน้ำลาย พบผลบวก จากการสอบสวนโรคพบช่วง 14 วันก่อนเดินทาง มีการเดินทางระหว่างที่ทำงานบริเวณถนนบางนา-ตราด และจ.ร้อยเอ็ด มีการตรวจหาเชื้อโควิด 19 ก่อนเดินทางไปญี่ปุ่นวันที่ 28 หรือ 29 ส.ค. ผลเป็นลบ จึงเดินทางวันที่ 31 ส.ค.กับเพื่อน 1 คน

ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิดร่วมบ้านที่ จ.ร้อยเอ็ด มี 4 คน ได้แก่ ยาย ภรรยา ลูกชาย และหลานสาว ไม่มีใครป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ อยู่ระหว่างการติดตามผู้สัมผัสรายอื่น และการตรวจหาเชื้อในผู้สัมผัสใกล้ชิด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง