เปิด 7 สายพันธุ์โควิด-19 พบ สายพันธุ์ GH ระบาดรุนแรง

วันนี้ (11 ส.ค.63) ฐานข้อมูลขององค์การอนามัยโลก แบ่งเชื้อไวรัสโคโรนาโรคโควิด-19 เป็น 7 กลุ่มสายพันธุ์หลัก ประกอบด้วย S V L G GH GR และกลุ่มสายพันธุ์ที่เหลืออื่นๆ ซึ่งเริ่มต้น ที่พบในประเทศจีน มีแค่ 2 สายพันธุ์ คือสายพันธุ์เอส S (Serine) และสายพันธุ์ L (Leucine) แต่ได้ออกลูกหลานกลายเป็นอีกหลายสายพันธุ์

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเกาหลีหรือเคซีดีซี (KCDC) แถลง ผลการวิเคราะห์ทางพันธุกรรมของไวรัส 526 ราย ที่ตรวจพบในเกาหลีใต้ แสดงให้เห็นว่ากลุ่ม สายพันธุ์ GH มีส่วนแบ่งสูงสุด 63.3% (333 ราย) ตามด้วยกลุ่มสายพันธุ์ V 127 ราย สายพันธุ์ S 33 ราย สายพันธุ์ GR 19 ราย สายพันธุ์ G 10 ราย สายพันธุ์ กลุ่มอื่น 4 ราย 

ผู้เชี่ยวชาญเกาหลีใต้ เผยผลกการศึกษาล่าสุดของนักวิจัยในสหรัฐอเมริกา  พบว่า   สายพันธุ์ กลุ่ม GH  ซึ่งกำลังแพร่กระจายในประเทศมี "พลังการแพร่เชื้อสูงกว่าถึง 6 เท่า" ซึ่งสายพันธุ์นี้ เคยตรวจพบ จากกลุ่มคลับในย่านอีแทวอน และพบว่านำเข้าจากยุโรปและสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ KCDC ยังตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีลำดับจีโนม กลายพันธุ์ชนิดใหม่ในผู้ติดเชื้อ 2 คนที่เดินทางเข้าเกาหลีใต้ จากปากีสถาน กับอีก 1 คน จากอุซเบกิสถาน โดยการกลายพันธุ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ ‘หนามโปรตีน’ ซึ่งไวรัส ใช้แทงเข้าไปในเซลล์ของมนุษย์ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องหาคำตอบว่า ไวรัสกลายพันธุ์ที่พบ มีระดับการติดเชื้อแตกต่างกันหรือไม่

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา ได้เคยออกมาให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการวิวัฒนาการของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ระลอกแรก ในเดือนมีนาคมถึงเมษายน สายพันธุ์ที่พบส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์ S (serine) สายพันธุ์นี้พบได้ทั้งในสนามมวย และสถานบันเทิง ความรุนแรงของโรคที่เกิดในทั้งสองแห่งจึงไม่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับอายุ และโรคประจำตัวของผู้ป่วยมากกว่า หลังจากนั้นก็ไม่พบสายพันธุ์นี้อีก  

กระทั่งไวรัสมีการวิวัฒนาการ และพบว่า การตรวจเชื้อในสถานกักกันของรัฐ State Quarantine  พบจะเป็นสายพันธุ์ G ที่มี 2 กลุ่ม คือ GH และ GR ซึ่ง เป็นคนละสายพันธุ์ที่เคยระบาดในประเทศไทย ทั้งนี้หากระบาดรอบ 2 ในไทยน่าจะเป็นกลุ่มสายพันธุ์ G 

ด้าน นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์  แพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านโรคระบบทางเดินหายใจ รพ.วิชัยยุทธ เตือนคนไทยอย่าการ์ดตก เตรียมรับมือ “โควิด-19” ระลอก2 เหมือนเช่นที่เวียดนามประสบในขณะนี้  มั่นใจว่าหากมีการระบาดอีกครั้ง จะมีความรุนแรงมากกว่า และ แพร่ระบาดได้ไวกว่าเดิม

นพ.มนูญ ยืนยันว่าไม่ได้คัดค้านการเปิดเมือง หรือ ผ่อนปรนมาตรการบางประเภท เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจดีขึ้น แต่อยากเรียกร้องให้คนไทยยังคงให้ความสำคัญและเข้มงวดกับตัวเองในมาตรการป้องกันโรคในด้านการรักษาความสะอาด และ การสวมใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งหากอ้างอิงตามผลการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ และมหาวิทยาลัย บริติช โคลัมเบียจะพบว่าหากคนอเมริกันมีวินัยสวมหน้ากากอนามัยทุกคน แทนที่จะมีคนเสียชีวิตต้นเดือนมิถุนายน 99,446 คน ตัวเลขคนเสียชีวิตจะลดลงเฉลี่ย 39,779 คนเท่านั้น