ใช้สุนัขดมกลิ่น-AI ตรวจหามะเร็ง ความแม่นยำสูงกว่า 90 เปอร์เซนต์

บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติอเมริกันพัฒนาเทคโนโลยีการตรวจจับมะเร็ง โดยใช้สุนัขดมกลิ่น บวกเข้ากับการใช้ AI ช่วยประมวลผล
แนวคิดของบริษัทสตาร์ทอัพชื่อ SpotitEarly ที่เพิ่งเปิดตัวในสหรัฐฯ ด้วยเงินทุนกว่า 20 ล้านดอลลาร์ คือการผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับ สุนัขดมกลิ่นที่ผ่านการฝึกฝน เพื่อพัฒนาเครื่องมือตรวจหามะเร็งระยะเริ่มต้นผ่านการตรวจลมหายใจ ซึ่งมีความแม่นยำสูงถึง 94% โดยมุ่งเน้นตรวจหามะเร็ง 4 ชนิดหลัก ได้แก่ มะเร็งเต้านม ลำไส้ใหญ่ ต่อมลูกหมาก และปอด
เพิ่มประสิทธิภาพการคัดกรองมะเร็ง
ปัจจุบันมากกว่า 70% ของผู้ป่วยมะเร็งยังคงได้รับการวินิจฉัยหลังจากเริ่มมีอาการ ซึ่งเป็นช่วงที่อัตราการรอดชีวิตลดลงอย่างมาก ในสหรัฐฯ เอง แม้จะมีการลงทุนอย่างมหาศาลในด้านการรณรงค์และโครงสร้างพื้นฐาน แต่อัตราการตรวจคัดกรองมะเร็งของผู้ใหญ่ที่มีสิทธิ์ตรวจยังต่ำกว่า 60% ขณะเดียวกัน แม้เทคโนโลยีตรวจวินิจฉัยจะพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่ “การเข้าถึง” กลับไม่เพิ่มขึ้นตาม หลายเครื่องมือมีราคาสูง ใช้ยาก หรือยังไม่มีหลักฐานเพียงพอรองรับ
ในยุคที่ธุรกิจสุขภาพและการยืดอายุขัยมักมุ่งบริการคนกลุ่มเล็กที่มีฐานะดี เช่น การตรวจวินิจฉัยเฉพาะบุคคลหรือสแกนร่างกายทั้งตัวราคาหลายพันดอลลาร์ SpotitEarly กลับเลือกเดินอีกทาง โดยตั้งเป้าที่จะนำเทคโนโลยีการตรวจหามะเร็งระยะเริ่มต้นอันล้ำสมัยมาสู่ “คนส่วนใหญ่” ที่มักพลาดโอกาสเข้ารับการตรวจตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการตรวจคัดกรองได้ง่ายขึ้น ไม่ใช่เพียงคนที่มีทรัพยากรพร้อม
SpotitEarly กำลังจะเปลี่ยนภาพของตลาดการวินิจฉัยโรค ที่เต็มไปด้วยต้นทุนสูง ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึง และความเฉื่อยชาของระบบคัดกรอง ด้วยนวัตกรรมที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับจากการทดลองทางคลินิกแบบปกปิดสองฝ่าย
ดร.เดวิด ซิดแรนสกี คร่ำหวอดในวงการรักษามะเร็งมาหลายปี บอกว่า การวินิจฉัยโรคที่ล่าช้าได้พรากชีวิตของผู้คนไปมากมาย เทคโนโลยรนี้ของ SpotitEarly กำลังเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้น ด้วยการผสาน AI เข้ากับสุนัขที่มีประสาทการดมกลิ่นทรงพลัง ทำให้การตรวจหามะเร็งในระยะเริ่มต้นรวดขึ้นขึ้น เข้าถึงง่าย และมีต้นทุนต่ำกว่า วิธีการที่ใช้กันในปัจจุบัน
ทำงานอย่างไร?
ระบบตรวจคัดกรองของ SpotitEarly ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย โดยผู้ใช้สามารถเก็บตัวอย่างลมหายใจได้เองที่บ้าน แล้วส่งไปยังห้องปฏิบัติการของบริษัท
ขั้นตอนการคัดกรอง จะใช้สุนัขพันธุ์บีเกิลที่ผ่านการฝึกฝนเฉพาะทางมาแล้ว จะตรวจจับสารประกอบอินทรีย์ระเหย หรือ VOCs ที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง โดยมีการบันทึกพฤติกรรมของสุนัขในรูปแบบดิจิทัล จากนั้นจึงใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสรุปผล
แนวทางของ SpotitEarly ได้รับการทดสอบในงานวิจัยทางคลินิกแบบปกปิด 2 ฝ่าย โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 1,400 คนในอิสราเอล ร่วมกับสถาบันการแพทย์ Tel Aviv Sourasky Medical Center, Rambam Health Care Campus และ Hadassah Medical Center
ผลการศึกษาพบว่า การทดสอบสามารถระบุและแยกแยะมะเร็งทั้ง 4 ชนิดได้ด้วย ความไวและความจำเพาะ 94% ซึ่งถือว่าสูงมาก ซึ่งผลลัพธ์นี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Scientific Reports เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2024
ทำไมจึงต้องใช้สุนัขเข้ามาช่วยตรวจหามะเร็ง
นักวิจัยบอกว่า สุนัขมีตัวรับกลิ่นมากถึง 300 ล้านตัว ซึ่งมากกว่ามนุษย์หลายหมื่นเท่า ทำให้สามารถดมกลิ่นได้แม้ในระดับความเข้มข้นในอัตรา 1 ในล้านส่วน
ด้วยเหตุนี้ สุนัขจึงมีศักยภาพในการค้นหาระเบิด สารต้องห้าม รวมถึงการตรวจจับการติดเชื้อไวรัส ซึ่งงานวิจัยตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่า สุนัขสามารถตรวจพบมะเร็งจากกลิ่นได้ แม้ก่อนที่ผู้ป่วยจะแสดงอาการทางคลินิกใด ๆ
SpotitEarly เป็นหนึ่งในบริษัทแรก ๆ ที่นำความสามารถตามธรรมชาตินี้มาผสานเข้ากับ ระบบดิจิทัลและเทคโนโลยี AI เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความแม่นยำมากขึ้น
โดยพฤติกรรมการดมกลิ่นของสุนัขแต่ละตัวจะถูกติดตามด้วยเซ็นเซอร์และอัลกอริทึม เพื่อเก็บข้อมูลละเอียดถึงระดับจังหวะการดม ระยะเวลาการหยุดชะงัก หรือท่าทางขณะตรวจ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้จะถูกส่งเข้าสู่แพลตฟอร์มของบริษัท เพื่อประมวลผลและแปลงเป็นสัญญาณการตอบสนองของสุนัขมาเป็นการวินิจฉัยที่เชื่อถือได้ด้วยหลักฐานทางชีวภาพ
SpotitEarly ประเมินว่า ห้องปฏิบัติการที่ใช้ระบบร่วมระหว่างสุนัขและ AI หนึ่งแห่ง สามารถประมวลผลตัวอย่างได้มากกว่า หนึ่งล้านตัวอย่างต่อปี และสามารถส่งผลตรวจกลับภายในเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
ทำให้ทุกคนเข้าถึงการรักษา ไม่ใช่แค่คนมีเงิน
ด้วยประสิทธิภาพการตรวจคัดกรองที่รวดเร็ว พร้อมกับความแม่นยำในระดับสูง บริษัทหวังว่า เทคโนโลยีนี้จะทำให้การตรวจมะเร็งระยะเริ่มต้นเข้าถึงได้สำหรับคนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะคนที่มักไม่ได้รับการตรวจคัดกรองตรงเวลา ไม่ใช่แค่กลุ่มที่มีเงินและเวลามาดูแลสุขภาพแบบพิเศษ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
