รีเซต

SET พ้นจุดต่ำสุด! เปิดหุ้นเด่นครึ่งปีหลัง 2025

SET พ้นจุดต่ำสุด! เปิดหุ้นเด่นครึ่งปีหลัง 2025
TNN ช่อง16
30 พฤษภาคม 2568 ( 14:17 )
13

คุณณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ WEALTH LIVE (30 พ.ค. 68) ว่า ตลาดหุ้นไทย (SET Index) น่าจะผ่านจุดต่ำสุดของรอบนี้ไปแล้วที่บริเวณ 1,150 จุด โดยมองว่าตลาดได้สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว และ Valuation ไม่แพงเมื่อเทียบกับภูมิภาค แนะนักลงทุนรอจังหวะหลังการปรับดัชนี MSCI (วันนี้ 30 พ.ค.) และความชัดเจนทางการเมือง (18 มิ.ย.) เพื่อทยอยสะสมหุ้นเข้าพอร์ตสำหรับช่วงครึ่งหลังของปี 2568 โดยเน้นกลุ่ม Domestic Play ที่คาดว่าจะกลับมา Outperform พร้อมเปิดโผหุ้นเด่นน่าลงทุน

SET Index ผ่านจุดต่ำสุด 1150 จุด - รอ MSCI และการเมืองคลี่คลาย

คุณณัฐพลมองว่า แม้ตลาดหุ้นไทยจะ Underperform ภูมิภาคอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา (กว่า 20%) แต่สถานการณ์นี้กลับเป็น "เบาะรองรับ" ทำให้จุดต่ำสุดของ SET Index ในรอบนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,150 จุด ซึ่งเป็นระดับ P/E ประมาณ 11 เท่าปลายๆ ไม่แพงเมื่อเทียบกับตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ที่เทรดกันราว 13 เท่า

ปัจจัยที่ตลาดกำลังรอคอยมี 2 ประเด็นหลัก:

  1. การปรับดัชนี MSCI (วันนี้ 30 พ.ค.): คาดว่าจะมี Flow Out ราว 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งอาจกดดันราคาหุ้นใหญ่บางตัวที่ถูกลดน้ำหนัก (เช่น ADVANC, CPALL, DELTA, BCP) หรือหลุดจากดัชนี (เช่น BEM, CRC, KTC) หากราคาหุ้นพื้นฐานดีปรับลงผิดปกติในวันนี้ ถือเป็น โอกาสในการเข้าซื้อที่ราคาปิด และคาดว่าจะเห็นการดีดกลับในวันพุธหน้า (หลังวันหยุด)
  2. ความชัดเจนทางการเมือง (กรณีคุณทักษิณ 18 มิ.ย.): ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เมื่อมีความชัดเจน ตลาดมักจะ "Buy on Fact" ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันและทำให้หุ้นไทยกลับมาเคลื่อนไหวใกล้เคียงภูมิภาคได้

หลังผ่าน 2 ปัจจัยนี้ไป คาดว่าจะมีเม็ดเงินจากกองทุน Thai ESG X (โค้งสุดท้ายการซื้อเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี) ประมาณ 5 พันล้านบาท +/- ไหลเข้าหนุนตลาดในช่วงกลางถึงปลายเดือนมิถุนายน

กลยุทธ์ลงทุนปี 2025: ครึ่งปีหลังเน้น Domestic Play - เปิดโผหุ้นเด่น

คุณณัฐพลแนะกลยุทธ์การลงทุนในช่วงที่เหลือของปี 2568 โดยเฉพาะครึ่งปีหลัง ให้หมุนจากกลุ่ม Global Play (ปิโตรเคมี, โรงกลั่น, วัสดุก่อสร้าง ซึ่งปรับขึ้นมาดีในช่วงก่อนหน้า) มาเน้นกลุ่ม Domestic Play ที่คาดว่าจะกลับมา Outperform หลังปัจจัยการเมืองชัดเจนและมีเม็ดเงิน Thai ESG X เข้ามาเสริม

หุ้นเด่นน่าลงทุนสำหรับครึ่งปีหลัง 2568:

  • CPALL: ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง ราคาที่ลงมาเป็นผลจาก MSCI ลดน้ำหนักเท่านั้น (ปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยน) P/E ปัจจุบัน 17-18 เท่า ถือว่าถูกมาก หากวันนี้ (30 พ.ค.) ย่อตัวจาก MSCI จะน่าสนใจมาก
  • ADVANC/TRUE : กลุ่มสื่อสารได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าจำกัด และผลประกอบการปีนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวดี ADVANC ถูก MSCI ลดน้ำหนัก หากย่อตัวเป็นโอกาสซื้อ
  • BCH : Top Pick กลุ่มโรงพยาบาล คาดงบ Q2/68 โตดีทั้ง YoY และ QoQ จากฐานปีก่อนไม่สูง และรับอานิสงส์ผู้ป่วยในประเทศเพิ่มขึ้น (ไข้หวัดใหญ่, โควิด)
  • BDMS : แม้มีสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติ แต่ผู้ป่วยในประเทศยังเป็นหลัก และผลประกอบการยังเติบโต YoY ได้รับผลกระทบจาก MSCI ลดน้ำหนักเล็กน้อย การย่อตัวช่วงเช้าเป็นโอกาสซื้อ P/E ปัจจุบัน ~20 เท่า ไม่แพง
  • BCPG: คาดกำไรปีนี้โตเด่น 30-40% จากการ COD โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ (มอนซูน) ในลาวช่วงครึ่งปีหลัง
  • SCB/KBANK : กลุ่มธนาคาร หากเน้นความปลอดภัยและปันผลสม่ำเสมอ (8-9%) SCB น่าสนใจ

ทางเลือกการลงทุน: DR หุ้นจีน

สำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสในต่างประเทศ DR หุ้นจีน ยังคงน่าสนใจ เนื่องจากคาดว่าทางการจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม (มีการประชุมทีมเศรษฐกิจกลางเดือนมิถุนายน) สามารถเลือกลงทุนใน DR ที่อิงกับหุ้นจีนชั้นนำ เช่น Tencent, Xiaomi รวมถึง DR ที่ บล.หยวนต้าเสนอขาย เช่น China Mobile, Haier, Meituan

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง