ฝรั่งเศสล็อกดาวน์กรุงปารีส 1 เดือน ผวาโควิดกลายพันธุ์ระบาดรอบ 3
วันนี้ (19 มี.ค.64) กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เตรียมเข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์ยาว 1 เดือนเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 อีกครั้ง ขณะที่ประเทศอาจเผชิญคลื่นการระบาดระลอก 3 ของไวรัสกลายพันธุ์ที่ระบาดรวดเร็วและง่ายกว่าสายพันธุ์เดิม ขณะเดียวกัน ยังคงมีการบังคับใช้เคอร์ฟิวทั่วประเทศเหมือนเดิมหลังเริ่มใช้มาตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว เริ่มต้นในเวลา 19.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ส่วนอีก 15 แคว้นในฝรั่งเศส ก็จะอยู่ภายใต้มาตรการเดียวกันจากเวลาเที่ยงคืนของวันศุกร์ที่ 19 มีนาคมนี้
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีฌอง คาสเท็กซ์ ของฝรั่งเศส แถลงว่า มาตรการเหล่านี้จะไม่เข้มงวดเท่ากับมาตรการล็อกดาวน์ที่เคยบังคับใช้ก่อนหน้านี้ ซึ่งประชาชนสามารถไปออกกำลังกายนอกบ้านได้
ทั้งนี้ ฝรั่งเศสพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดรายใหม่สูงเป็นสถิติ 35,000 คนภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งนายคาสเท็กซ์ กล่าวว่า “คลื่นการระบาดรอบ 3” ในฝรั่งเศส มีแนวโน้มว่ารุนแรงมากขึ้น ส่วนนายโอลิวิเยร์ เวราน รัฐมนตรีสาธารณสุข กล่าวว่า สถานการณ์ในกรุงปารีส กำลังน่าวิตกกังวลอย่างมาก เนื่องจากมีผู้ป่วยในห้องไอซียูถึง 1,200 คน มากกว่าในช่วงสูงสุดของการระบาดรอบ 2 ในเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว
โดยภายใต้มาตรการใหม่นี้ ธุรกิจที่ไม่จำเป็นจะถูกบังคับให้ปิด แต่โรงเรียนจะยังคงเปิดการเรียนการสอนต่อไป ประชาชนจะได้รับอนุญาตให้ไปออกกำลังกายนอกบ้านได้ภายในรัศมี 10 กิโลเมตร แต่ไม่อนุญาตให้เดินทางไปยังพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศ ยกเว้นจะมีเหตุผลที่สมเหตุสมผล ส่วนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ จะต้องกรอกเอกสารแบบฟอร์มเพื่อชี้แจงเหตุผลเพื่อขออนุญาตออกนอกบ้าน
เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการระบาดรอบ 3 ขณะที่รัฐบาลฝรั่งเศสถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กรณีการแจกจ่ายและฉีดวัคซีนล่าช้า โดยนับจากวันศุกร์นี้ ฝรั่งเศสจะเริ่มกลับมาฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) อีกครั้ง หลังจากองค์การยายุโรป หรืออีเอ็มเอ (EMA) ประกาศว่า วัคซีนโควิดของแอสตราเซเนกา มีความปลอดภัยเหมาะสมที่จะใช้ได้ ซึ่งนายคาสเท็กซ์ กล่าวว่า เขาจะรับวัคซีนของแอสตราเซเนกา เพื่อพิสูจน์และสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนว่า วัคซีนตัวนี้มีประสิทธิผลในการป้องกันโควิด
ฝรั่งเศสระงับการใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกา หลังจากมีรายงานว่าเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันกับผู้รับวัคซีนชนิดนี้ และยังมีผลการสำรวจขณะมีการประกาศระงับการใช้วัคซีน พบว่า ชาวฝรั่งเศสเพียง 20% เท่านั้น ที่เชื่อมั่นในวัคซีนของแอสตราเซเนกา