น้ำท่วมล่าสุด! ยังประสบภัย 12 จังหวัด กระทบ 133,134 ครัวเรือน เสียชีวิต 25 ราย

12 จังหวัดยังถูกน้ำท่วม
นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์อุทกภัยจากน้ำไหลหลากและน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน ยังคงมีอยู่ใน 12 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี สิงห์บุรี ชัยนาท อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม และจังหวัดอุบลราชธานี รวม 52 อำเภอ 435 ตำบล 2,829 หมู่บ้าน
บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 133,134 ครัวเรือน 459,527 คน มีผู้เสียชีวิต 25 ราย ส่วนใหญ่ระดับลดลง จะมีเพียงพื้นที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ที่มีระดับน้ำเพิ่มขึ้น ส่วนการช่วยเหลือด้านการดำรงชีพ การระบายน้ำ การกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ การเสริมคันกั้นน้ำชั่วคราว ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยยังคงปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องในทุกพื้นที่
ภาคใต้มีฝนตกหนักและฝนตกแช่หลายพื้นที่
ขณะที่ภาคใต้ซึ่งขณะนี้เกิดฝนตกหนักมาก เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้มีภาคใต้มีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ระหว่างวันที่ 17 พ.ย. 2568 – ปัจจุบันมีสถานการณ์ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมชน สุราษฎร์ธานี สตูล และจังหวัดพัทลุง รวม 8 อำเภอ 34 ตำบล 184 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,927 ครัวเรือน25,418 คน
ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี และพัทลุง โดยที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้สนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 สุราษฎร์ธานี ประกอบด้วย รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถยกสูง เรือยนต์ รถสูบน้ำกู้ภัยเคลื่อนที่สมรรถนะสูงแบบโมบายยูนิต รถบรรทุกเครื่องสูบน้ำระยะไกล เครื่องสูบน้ำแบบเคลื่อนที่ระบบไฮดรอลิก และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ทั้งด้านการขนย้ายผู้ประสบภัยและการระบายน้ำ และร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่สำรวจความเสียหาย ติดตั้งป้ายเตือนน้ำท่วมขัง อำนวยความสะดวก และเร่งระบายน้ำออกจากจุดสำคัญเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน
นอกจากนี้ ในช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาตั้งแต่เวลา 04.01 น. ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ส่งแจ้งเตือนผ่านระบบ Cell Broadcast ให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยภาคใต้รับทราบสถานการณ์ ประกอบด้วย แจ้งเตือนฝนตกหนัก ในพื้นที่ จ.พัทลุง (อ.เมืองฯ อ.ปากพะยูน อ.ควนขนุน) จ.นครศรีธรรมราช (อ.เมืองฯ อ.พรหมคีรี อ.สิชล อ.ร่อนพิบูลย์ อ.ลานสกา อ.ชะอวด อ.ท่าศาล) จ.สงขลา (อ.เมืองฯ อ.รัตภูมิ อ.หาดใหญ่ อ.จะนะ อ.สะบ้าย้อย อ.เทพา อ.นาหม่อม อ.สิงหนคร อ.สะเดา อ.นาทวี อ.ระโนด อ.สทิงพระ อ.กระแสสินธุ์) จ.สตูล (อ.มะนัง อ.ควนโดน อ.ควนกาหลง อ.ท่าแพ อ.ละลู)
และ จ.ตรัง (อ.นาโยง อ.ย่านตาขาว อ.ปะเหลียน) และได้มีการแจ้งเตือนน้ำท่วม จ.พัทลุง ในพื้นที่ อ.เมืองฯ อ.ป่าบอน อ.กงหรา อ.ศรีนครินทร์ อ.ปากพะยูน ซึ่งมีทั้งลักษณะของฝนตกแช่ในพื้นที่และฝนตกหนัก และยังคงพบกลุ่มฝนในพื้นที่ ให้ระวังน้ำท่วม ดินโคลนถล่ม ในพื้นที่ริมคลอง ลำน้ำ ที่ลุ่มต่ำและที่ลาดเชิงเขา ให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงยกของ/เคลื่อนย้ายรถไปที่สูง เก็บทรัพย์สินมีค่าและเอกสารสำคัญ ระวังอันตรายจากไฟฟ้าดูด และดูแลกลุ่มเปราะบาง
นายธีรพัฒน์ อธิบดี ปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในส่วนของการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย ทาง ปภ. ได้ประสานจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เร่งสำรวจความเสียหาย พร้อมดำเนินการตรวจสอบข้อมูลหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยเพิ่มเติม ตามที่คณะรัฐมนตรีเมื่อวัน 18 พ.ย. 68 ให้เป็นไปอย่างรอบคอบและรวดเร็วในทั้ง 2 กรณี ทั้งการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำล้อมรอบ และประชาชนที่ที่อยู่อาศัยประจำในอาคารสูงที่น้ำท่วมไม่ถึงชั้นที่ผู้ประสบภัยพักอาศัย ส่งผลให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ ติดต่อกันเกิน 7 วันขึ้นไป
ซึ่งประชาชนจะได้รับความช่วยเหลือครัวเรือนละ 9,000 บาท และกรณีช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากกรณีน้ำท่วมขังบริเวณที่อยู่อาศัยประจำเป็นระยะเวลานานในช่วงฤดูฝน ปี 2568 นานกว่า 30 วันขึ้นไป โดยเป็นการจ่ายเงินแบบขั้นบันได ครัวเรือนละ 5,000 – 20,000 บาท ตามระยะเวลาที่ที่อยู่อาศัยประจำการถูกน้ำท่วมขัง 4 กรณี ได้แก่
1) กรณีที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันตั้งแต่ 31-60 วัน จะได้รับความช่วยเหลือ ครัวเรือนละ 5,000 บาท
2) กรณีที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันตั้งแต่ 61-90 วัน จะได้รับความช่วยเหลือครัวเรือนละ 10,000 บาท
3) กรณีที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันตั้งแต่ 91-120 วัน จะได้รับความช่วยเหลือครัวเรือนละ 15,000 บาท
4) กรณีที่ที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันตั้งแต่ 121 วันขึ้นไป จะได้รับความช่วยเหลือครัวเรือนละ 20,000 บาท ซึ่งหากประชาชนประสบอุทกภัยหลายครั้ง จะได้รับความช่วยเหลือเพียงครั้งเดียว”
ทั้งนี้ ในช่วงที่มีสถานการณ์ฝนกตกหนักในพื้นที่ภาคใต้และสถานการณ์น้ำท่วมที่ยังคงมีอยู่ในภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสาน ขอให้ประชาชนมั่นใจในการช่วยเหลือจากภาครัฐ ซึ่งทีมปฏิบัติการจาก ปภ. จะยังคงช่วยเหลือในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารการแจ้งเตือนภัยอย่างใกล้ชิด หากได้รับคำแจ้งเตือนจากทางราชการขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
