รีเซต

ครม.เห็นชอบร่างยุทธศาสตร์ป้องกัน-ปราบฟอกเงินฯ ผสานความร่วมมือนานาชาติต่อต้านก่อการร้าย

ครม.เห็นชอบร่างยุทธศาสตร์ป้องกัน-ปราบฟอกเงินฯ ผสานความร่วมมือนานาชาติต่อต้านก่อการร้าย
มติชน
2 สิงหาคม 2565 ( 15:30 )
51
ครม.เห็นชอบร่างยุทธศาสตร์ป้องกัน-ปราบฟอกเงินฯ ผสานความร่วมมือนานาชาติต่อต้านก่อการร้าย

เมื่อเวลา 13.10 น. วันที่ 2 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบร่างยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน การต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ.2565-2570 (ยุทธศาสตร์ด้าน Anti-Money Laundering and Combating the Financing of Terrorism : (AML/CFT) ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันให้สามารถรับมือกับความเสี่ยงภัยคุกคามจากอาชญากรรมการฟอกเงิน การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย การแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงรูปแบบใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

น.ส.รัชดากล่าวต่อว่า ร่างยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ พ.ศ.2565-2570 ขับเคลื่อนภายใต้วิสัยทัศน์ “เป็นเลิศด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน การต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (Money Laundering, Terrorism Financing and Proliferation Financing : ML/TF/PF) อย่างมีมาตรฐานสากล” โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบในการดำเนินงานเชิงบูรณาการอย่างเหมาะสมภายใต้ 6 ยุทธศาสตร์ คือ

 

ยุทธศาสตร์ที่ 1 ผลักดันมาตรการเชิงรุกด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน การต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย การแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงของไทยให้มีประสิทธิผลตามมาตรฐานสากล อาทิ พัฒนามาตรการเชิงรุกในการป้องกันอาชญากรรมที่มีความเสี่ยงสูง

 

ยุทธศาสตร์ที่ 2 บูรณาการการดำเนินงานด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน การต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย การแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ทั้งในและต่างประเทศให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล อาทิ แสวงหาเครือข่ายความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ใหม่ๆ เพื่อสร้างความร่วมมือ ความช่วยเหลือทางอาญา การส่งผู้ร้ายข้ามแดนเชิงรุกให้มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

 

ยุทธศาสตร์ที่ 3 ส่งเสริมมาตรการระบบการกำกับดูแลของหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน มีหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน อาทิ ส่งเสริมและพัฒนากลไกในการตรวจสอบ การกำกับร่วมที่สอดคล้องกับความเสี่ยงของหน่วยงาน

 

ยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาองค์ความรู้ด้านนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ใหม่ และแนวทางการประกอบธุรกิจแบบใหม่ เพื่อมุ่งสู่การดำเนินงานด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในรูปแบบดิจิทัล อาทิ พัฒนา นำองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนภารกิจเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ

 

ยุทธศาสตร์ที่ 5 สร้างความร่วมมือ เผยแพร่ข้อมูลด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน การต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย การแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงสู่ภาคประชาสังคม

 

ยุทธศาสตร์ที่ 6 พัฒนาองค์กรสู่องค์กรมีสมรรถนะสูงด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน การต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงของไทยให้มีประสิทธิผล อาทิ 1.ปรับปรุงโครงสร้างองค์กรให้สอดคล้องและเหมาะสมกับภารกิจเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง 2.ทบทวนปรับปรุงกรอบอัตรากำลังให้เหมาะสม

 

น.ส.รัชดากล่าวว่า ประโยชน์ที่จะได้รับจากร่างยุทธศาสตร์ฉบับนี้คือประเทศไทยมีผลการประเมินการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน การต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายที่ดีขึ้น ปรับระดับจากกลุ่มติดตามแบบเฝ้าระวัง เป็นกลุ่มที่มีการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลในระดับดี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง