รีเซต

Darkstar เครื่องบินอวกาศแห่ง TOP GUN ผู้สานต่อตำนานเครื่องบินจารกรรมยุคอนาคต

Darkstar เครื่องบินอวกาศแห่ง TOP GUN ผู้สานต่อตำนานเครื่องบินจารกรรมยุคอนาคต
TNN ช่อง16
14 มิถุนายน 2565 ( 07:12 )
306

เมื่อภาพยนตร์เรื่อง Top Gun  เข้าฉายในช่วงเวลาปี 1986 ซึ่งเป็นช่วงบั้นปลายแห่งสงครามเย็น สหภาพโซเวียตและสหรัฐฯ แข่งขันกันสะสมอาวุธยุทโธปกรณ์และพัฒนาเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ จนในที่สุดสหภาพโซเวียตต้องเป็นฝ่ายล่มสลายไป แน่นอนว่าปฏิเสธไม่ได้ว่า Top Gun คือ ตัวแทนของการปลูกฝังความคิดด้านชาตินิยมสหรัฐฯ และยังเป็น Soft Power ที่ถูกส่งตรงจากฮอลลีวูด ของสหรัฐอเมริกา ที่สร้างปรากฏการณ์ให้เกิดกระแสนิยมชมชอบในเครื่องบินรบและยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ ไปทั่วโลก จนมีการสั่งซื้อเครื่องบินจากสหรัฐฯ ในกองกำลังชาติต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย และเมื่อสหรัฐฯ คว้าชัยชนะในยุคสมัยแห่งสงครามเย็น ครองตำแหน่งพี่ใหญ่ในขั้วอำนาจแห่งโลกตะวันตกมาช้านาน ก็ยิ่งทำให้สหรัฐฯ กลายเป็นชาติมหาอำนาจในสายตาชาวโลกส่วนใหญ่ไปโดยปริยาย


จนกระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 36 ปี แทบไม่น่าเชื่อว่า การนำหนังอายุเกือบ 40 ปี มาสานต่อ โดยใช้ตัวเอก และนักแสดงสมทบที่เรียกได้ว่าตัวละครหลัก ๆ ที่แทบจะเป็นชุดเดิม แต่ก็ยังผลักดันให้หนังเรื่องนี้ทะยานเข้าสู่โผหนังทำเงินไปเป็นที่เรียบร้อย จากงบประมาณสร้างราว 5.9 พันล้านบาท แต่กวาดรายได้ไปแล้วกว่า 2.5 หมื่นล้านบาททั่วโลก


ความสำเร็จเหล่านี้ อาจต้องยกเครดิตให้กับบทภาพยนตร์ และนักแสดงนำเช่นทอม ครุยส์ (Tom Cruise) ในบทบาทของมาเวอริค (Maverick) ที่ยังคงเสน่ห์ไม่เสื่อมคลาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ที่เป็นมนตร์ขลังดึงดูดให้ผู้คนจำนวนมากต้องจ่ายเงินเข้าชมภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ การนำเสนอความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีอากาศยาน ซึ่งบทความนี้จะขอมุ่งเน้นไปที่เครื่องบิน Darkstar ที่มาเวอริคนำมาขับ ในฐานะเครื่องบินแห่งยุคอนาคต แม้เครื่องบินลำดังกล่าวจะมีเวลาโลดแล่น และ Airtime ในเรื่องเพียงเล็กน้อยก็ตาม


SR-71 Blackbird ต้นกำเนิดเครื่องบินจารกรรมเหนือเสียง


ย้อนอดีตไปถึงยุคสงครามเย็น สิ่งประดิษฐ์ทางวิศวกรรมอากาศยานควบคุมโดยมนุษย์ ที่มีความเร็วมากที่สุดในโลก ที่มีความเร็วระดับ 3,675 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีเพดานบินสูงที่สุดในบรรดาเครื่องบินทั้งหมดที่มนุษย์บินขึ้นไปบนท้องฟ้า (ราว 25-30 กม.)  รวมถึงการเป็นอากาศยานที่สามารถทำความเร็วต่อเนื่องคงที่ได้ดีที่สุดแบบหนึ่งของโลก หรือราว 3.5 มัค (Mach) ก็คือเครื่องบิน SR-71 Blackbird ที่ถูกนำมาประจำการในกองทัพสหรัฐฯ ในปี 1966 นั่นเอง 


ถูกเสริมให้ครองสถานะเจ้าเวหา จากเครื่องยนต์เทอร์โบเจ็ตสมรรถนะสูง 2 เครื่องยนต์ ประกอบด้วยรูปแบบด้านอากาศพลศาสตร์ที่ดีเลิศ วัสดุที่ใช้ในการขึ้นรูปโครงสร้างและพื้นผิวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเครื่องบินชั้นต้นในยุคนี้ ทั้งๆ ที่มันถูกสร้างขึ้นเมื่อราว 60 ปีที่แล้ว ด้วยคุณสมบัติที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ทำให้ไม่มีระบบต่อต้านเครื่องบินใด ๆ ในยุคสมัยนั้น ทำอันตราย SR-71 ได้เลย หรืออาจกล่าวได้ว่า แม้จะตรวจพบ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้


นี่คือเครื่องบินจารกรรมล่องหน ล็อกฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) SR-71 Blackbird ฉายานกปีศาจดำ ที่ครองตำแหน่งเจ้าแห่งประวัติศาสตร์เครื่องบินจารกรรมมาจนถึงปัจจุบัน แม้จะปลดประจำการไปกว่า 17 ปีแล้ว


ดาร์คสตาร์ (Darkstar) แห่ง Top Gun


จากกระแสความนิยมในตัวภาพยนตร์ ในที่สุด ล็อกฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) บริษัทผลิตอาวุธสัญชาติสหรัฐฯ เปิดเว็บไซต์อธิบายเบื้องหลังการสร้างและออกแบบเครื่องบิน Darkstar เครื่องบินแบบจำลอง (Concept Model) ความเร็วเหนือเสียงสีดำ ที่โดดเด่นที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยล็อกฮีด มาร์ตินได้เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่าแผนก Skunk Works ซึ่งเป็นแผนกโครงการพัฒนาอากาศยานขั้นสูงของล็อกฮีด มาร์ติน และยังเป็นผู้ออกแบบ SR-71 มาร่วมการออกแบบโมเดลเครื่องบินดังกล่าวโดยตรง 


"Skunk Works ทำงานที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ให้ออกมาสำเร็จ พวกเขาพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคตนี้ออกมาได้ ก่อนที่จะมีคนคิดออกว่าต้องการอะไรเสียอีก" ทีมผู้สร้างภาพยนตร์กล่าว ขณะที่เว็บไซต์ของล็อกฮีด มาร์ตินระบุว่า "ทีมผู้สร้างภาพยนตร์โทรหา Skunk Works เป็นสายแรก เมื่อทีมงานภาพยนตร์ Top Gun: Maverick ต้องการผู้มาออกแบบโมเดลเครื่องบินที่จะใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้


เมื่อพูดถึงการออกแบบที่เป็นที่มาของ Darkstar นั้น สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ ช่องเปิดที่ด้านบนของตัวเครื่อง ซึ่งตามปกติแล้วจะเป็นระบบนำทาง เช่นที่พบในเครื่องบินสอดแนม SR-71 Blackbird ช่องเปิดนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของแผนก Skunk Works โดยช่องดังกล่าวในเครื่อง SR-71 ถูกใช้ระบบนำทางอัตโนมัติที่ถูกตั้งชื่อว่า "R2D2" แต่สำหรับกรณีของ Darkstar ช่องดังกล่าวถูกใช้เป็นที่ตั้งของระบบส่งสัญญาณก่อกวนไปยังเครื่องบินข้าศึก 


เครื่องบิน Darkstar ยังมีเลย์เอาต์ห้องนักบินที่ไม่มีกระจกใสมองไปด้านหน้าตัวเครื่อง ซึ่งเทคโนโลยีนี้ก็ถูกใช้ในเครื่องบิน X-59 Quiet Supersonic ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาให้กับ NASA และเครื่องบินดังกล่าวก็ถูกออกแบบโดยของ Skunk Works นั่นเอง 


Darkstar คือ ภาพจำลองของ SR-72 ?


สำหรับเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ เครื่องบิน Darkstar ที่เป็นโมเดลจำลอง มีความคล้ายคลึงกับภาพคอนเซปต์ไอเดียของเครื่องบินไร้คนขับไฮเปอร์โซนิก SR–72 ซึ่งถูกขนานนามว่า ‘Son of Blackbird’ หรือบุตรแห่งแบล็กเบิร์ดเป็นอย่างมาก จึงมีการคาดเดากันอย่างกว้างขวางว่า เครื่องบินลำนี้ จริง ๆ แล้วก็คือคอนเซปต์ไอเดียของ SR-72 


สำหรับข้อมูลด้านเครื่องยนต์นั้น ล็อกฮีด มาร์ติน ระบุว่า SR-72 สามารถบินด้วยอัตราความเร็วสูงสุดที่ระดับ 6 มัค (Mach) หรืออัตราเร็วที่สูงกว่า 6 เท่าของอัตราความเร็วเสียง ซึ่งเร็วกว่า SR-71 Blackbird ที่บินด้วยความเร็วสูงสุด Mach 3.2  นอกเหนือจากนั้นคือ ล็อกฮีด มาร์ติน ยังต้องออกแบบเครื่องยนต์ให้ครอบคลุมระบบการบินด้วยความเร็วขั้นยิ่งยวด โดย SR-72 จะใช้ระบบเครื่องยนต์วงจรรวม ซึ่งใช้เทอร์ไบน์ (TBCC) หมายความว่าเครื่องยนต์กังหันเทอร์ไบน์จะถูกใช้งานที่ความเร็วต่ำ และเครื่องยนต์สแครมเจ็ตจะรับหน้าที่ขับเคลื่อนที่ความเร็วสูง เครื่องยนต์เทอร์ไบน์และเครื่องยนต์แรมเจ็ตใช้ทางเข้าอากาศและหัวฉีดร่วมกัน แต่มีเส้นทางการไหลของอากาศที่แยกจากกัน เป็นที่มาของขุมกำลังที่ช่วยให้ SR-72 ทำความเร็วได้ไม่ต่ำกว่ามัค 6 นั่นเอง


ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 29 เมษายน จอห์น นีลสัน (John Neilson) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกาของล็อกฮีด มาร์ติน โพสต์ Twitter บอกเป็นนัยว่า Darkstar ในภาพยนตร์ Top Gun : Maverick อาจเป็นการปลอมตัวของเครื่องบินที่มีรหัสว่า Lockheed Martin SR-72 ก็เป็นได้


อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเครื่องบิน Darkstar จะมีความเกี่ยวข้องกับโครงการพัฒนาอากาศยานไฮเปอร์โซนิกของ Skunk Works ในปัจจุบันหรือไม่ก็ตาม แต่การปรากฏตัวของ Darkstar ทำให้ล็อกฮีด มาร์ตินหวังว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จะช่วยให้ได้รับการอุดหนุนงบประมาณผลิต หรือการอนุมัติคำสั่งซื้อและวิจัยเพิ่มเติมจากกองทัพสหรัฐฯ จากความนิยมที่เพิ่มขึ้นได้ แม้ว่าเครื่องบินส่วนใหญ่ในภาพยนตร์ Top Gun จะถูกครอบงำไปด้วยเครื่องบินจากโบอิง (Boeing) เช่น  F/18E/F Super Hornet มาอย่างยาวนาน


ในอีกแง่มุมหนึ่ง ปัจจุบันนี้ เครื่องบิน SR-72 ของล็อกฮีด มาร์ติน กำลังถูกตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าในการค้นคว้าและวิจัย จากความสามารถของเทคโนโลยีดาวเทียมในปัจจุบัน ที่คมชัดและมีประสิทธิภาพ จนไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องบินจารกรรมแล้ว ทั้งยังมีปัญหาด้านจรวดไฮเปอร์โซนิกของสหรัฐฯ ที่ยังต้องการการค้นคว้าเพิ่มเติมเพื่อใช้กับเครื่องบินไฮเปอร์โซนิกเช่น SR-72 ซึ่งทำให้การนำเอาเครื่องบินลำนี้เข้าประจำการ ต้องรอไปอีกถึง 8 ปีข้างหน้านั่นเอง


เสียงจากพนักงานของ Skunk Works


หน้าเว็บไซต์ของล็อกฮีด มาร์ติน ยังแสดงภาพงานดีไซน์เครื่องบิน Darkstar พร้อมกับวิดีโอสัมภาษณ์ของเหล่าบรรดาผู้ออกแบบจากแผนก Skunk Work ที่รังสรรค์ให้ Darkstar ได้ออกมาโลดแล่นสู่หน้าจอเงิน โดยบางส่วนดูค่อนข้างจะปลาบปลื้มในผลงานของตน แม้พวกเขาจะระบุตัวตนได้แค่ชื่อต้น ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย และความลับทางเทคโนโลยีการทหารก็ตาม


 "งานส่วนใหญ่ที่ผมทำ ผมไม่สามารถพูดถึงมันได้" จิม ศิลปินผู้สร้างสรรค์เทคนิคพิเศษ ที่ Skunk Works ระบุ


“สิ่งที่ทำให้ผมตื่นเต้นเมื่ออยู่ที่นี่ คือ มันเหมือนกับว่าผมสามารถสร้างสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอนาคต” เจสัน (Jason) วิศวกรด้านความถี่วิทยุที่ Skunk Works  กล่าวเสริมในวิดีโอ 


ด้าน ลูซิโอ (Lucio) ช่างเครื่องในห้องปฏิบัติการ กล่าวว่า "เราไม่ได้เปลี่ยนประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ด้วยการสร้าง Darkstar เรากำลังเปลี่ยนอนาคตของการบินด้วยการสร้างเครื่องบินแห่งอนาคต" 


ทั้งนี้ยังมีการยืนยันว่า Skunk Works ได้สร้างโมเดลจำลองบางอย่างออกมาจริง ๆ ซึ่งรวมถึง แบบจำลองส่วนหน้าตัวเครื่อง พร้อมห้องนักบินที่ใช้งานได้สำหรับนักแสดง และชิ้นส่วนเหล่านี้ต้องผ่านการอนุมัติจากสายตาของวิศวกรของ Skunk Work ในระหว่างการผลิตเพื่อให้โมเดลเครื่องบินมีโครงสร้างที่เหมาะสมและเหมาะกับนักแสดง ที่ต้องเข้าไปอยู่ในห้องนักบินจริง ๆ 


กระแสนิยมเครื่องบินไฮเปอร์โซนิกที่กลับมา 


สำหรับโครงการลับ Mayhem ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเครื่องต้นแบบ (Prototype) ของเครื่องบินความเร็วเหนือเสียง ซึ่งจะทำหน้าที่ปฏิบัติการข่าวกรอง การเฝ้าระวัง และการลาดตระเวน (ISR) และภารกิจการจู่โจม ซึ่งล็อกฮีด มาร์ติน เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ภารกิจเหล่านี้ เหมาะกับ SR-72 เป็นอย่างยิ่ง 


ขณะที่ระหว่างช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในสหรัฐอเมริกา มีกระแสความสนใจอุปกรณ์ทางทหารที่มีความเร็วเหนือเสียงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก พร้อม ๆ กับที่ล็อกฮีด มาร์ติน และแผนก Skunk Works เริ่มเซ็นสัญญาฉบับสำคัญเป็นจำนวนมาก เพื่อยกระดับการค้นคว้างานวิจัยที่เกี่ยวเนื่องกับระบบอากาศยานไฮเปอร์โซนิก ทั้งเร่งพัฒนาในแง่ของเทคโนโลยีและบุคลากรไปพร้อม ๆ กัน


การเผยโฉม Darkstar ในภาพยนตร์ ยิ่งทำให้สาธารณะชนกำลังเปิดประเด็นพูดคุยกันอย่างมีอรรถรส และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพูดคุยเกี่ยวกับ SR-72 ก็เกิดขึ้นเช่นกันระหว่างการฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ โดย Google Trend ระบุว่า หลังจากภาพยนตร์ Top Gun : Maverick ออกฉาย มีการค้นหาคำว่า "SR-72 Darkstar" เพิ่มขึ้นกว่า 1,600% ทั้งนี้ ผู้คนจากทั่วโลกยังสนใจใช้ Google ค้นหาเกี่ยวกับความเร็วระดับ "มัค 10" หรือความเร็วระดับ 12,348 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วที่ Darkstar ทำได้ในภาพยนตร์นั่นเอง


"ด้วยความเชี่ยวชาญของ Skunk Works ในการพัฒนาเครื่องบินที่เร็วที่สุดเท่าที่มนุษย์สร้างขึ้น ผสมผสานกับความหลงใหลในการบินและอวกาศของพวกเขา ความสามารถของ Darkstar อาจเป็นมากกว่าแค่เรื่องเล่า มันสามารถเป็นจริงได้…" เว็บไซต์ของล็อกฮีด มาร์ติน ระบุ 


"Darkstar อาจไม่มีอยู่จริง แต่ความสามารถของมัน เป็นไปได้จริง ๆ"


ที่มาของข้อมูล 

eurasiantimes.comspace.com, 19fortyfive.com, lockheedmartin.com , thedrive.com


ที่มาของรูปภาพ 

lockheedmartin.com


ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง