ชายแดนไทย-กัมพูชาเริ่มคลี่คลาย! รพ.กันทรลักษ์ เปิดบริการปกติแล้ว

นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังประชุมปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มี นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน และ นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเข้าร่วม ว่า สถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง โดยในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาไม่มีเหตุปะทะต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 แต่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1 ราย ซึ่งเข้ารับการรักษาตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา 

ส่วนสถานพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติ 1 แห่ง คือ โรงพยาบาลกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ในวันที่ 29 ธันวาคม กลับมาเปิดบริการบางส่วน 2 แห่งที่ จ.สุรินทร์ คือ โรงพยาบาลกาบเชิง เปิดบริการเฉพาะฉุกเฉินและผู้ป่วยนอก และโรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.สุรินทร์ เปิดบริการเฉพาะฉุกเฉิน 

ปัจจุบัน ยังมีสถานพยาบาลที่ปิดให้บริการ 6 แห่ง คือ โรงพยาบาลภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ โรงพยาบาลบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ โรงพยาบาลตาพระยา โรงพยาบาลโคกสูง โรงพยาบาลคลองหาด และโรงพยาบาลอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ขณะที่การอพยพผู้ป่วยในมีเพิ่มขึ้น 2 รายที่ จ.สุรินทร์ อย่างไรก็ตาม ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

นพ.เอกชัยกล่าวต่อว่า สำหรับศูนย์พักพิงชั่วคราวลดลงเหลือ 660 จุด ผู้เข้าพัก 80,981 ราย กลุ่มเปราะบาง 25,788 ราย ด้านสุขภาพจิตผู้ที่มีความเครียดสูง 1,395 ราย และเสี่ยงทำร้ายตนเอง 277 ราย  ซึ่งยังคงเหลือผู้มีความเครียดสูงที่ต้องติดตามดูแล 287 ราย และผู้เสี่ยงทำร้ายตนเอง 161 ราย ส่วนการเฝ้าระวังด้านสาธารณสุขเชิงรุก ความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคติดต่อโดยรวมอยู่ในระดับปานกลางลงไป

ทั้งนี้ ยังคงมอบหมายทีมปฏิบัติการจากกรมวิชาการต่างๆ ปฏิบัติการต่อเนื่องในศูนย์พักพิงตามความเหมาะสม เนื่องจากแนวโน้มของการระบาดลดลง และมอบหมายทีมปฏิบัติการเฝ้าระวังการระบาดโรคทางเดินอาหารและน้ำอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอยู่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ด้วย ควบคู่กับการดูแลสุขภาพจิตประชาชนที่เริ่มทยอยกลับบ้านและคนในครอบครัวเสียชีวิต 

รวมทั้งเจ้าหน้าที่และครอบครัวทหารที่สละชีพ ส่วนแนวทางปฏิบัติกรณีหยุดยิง จ.สระแก้ว จะครบกำหนด 72 ชั่วโมงในวันที่ 30 ธันวาคมนี้ และมีแผนที่จะอพยพกลับในวันที่ 31 ธันวาคม โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้วจะสนับสนุนรถพยาบาลนำส่งผู้ป่วยติดเตียง และมีแผนปฏิบัติการเร่งด่วนที่จะกลับมาเปิดระบบบริการทางการแพทย์เต็มรูปแบบทั้งผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน และห้องฉุกเฉิน พร้อมสำรวจความเสียหายของอาคาร ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ เดินหน้าดูแลด้านสุขภาพจิต เยียวยาจิตใจผู้สูญเสียและกลุ่มเปราะบางที่กลับบ้าน เฝ้าระวังโรคระบาดในชุมชนชายแดน 14 วัน และดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังขาดยาช่วงอพยพ