Bitcoin ยังร่วงแตะ 22,000 ดอลลาร์-ตลาด Crypto ทรุดลง50% ต้องกังวลไหม?
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาตลาด Crypto ทำให้นักลงทุนบาดเจ็บกันไปตามๆกัน ด้วยปัจจัยสำคัญเรื่องของอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯที่ออกมา ทำให้บรรดานักลงทุนเทตลาดสินทรัพย์เสี่ยงไปซบสินทรัพย์ปลอดภัย อย่าง ทองคำ ตราสารเงิน แทน มูลค่าตลาดคริปโตเลยร่วงลงเรื่อยๆ จนถึง ณ ปัจจุบัน ราคา Bitcoin ก็ยังคงวันเวียนอยู่ในช่วง 22,000 ดอลลาร์ ปรับลงมากกว่า 15% ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา
Bitcoin ยังเป็นเหรียญผู้นำในการขาดทุน
โทนตลาด crypto ในปี 2022 นี้ ยังมีการไหลออกของเงินทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ผู้นำสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin ยังคงเป็นผู้นำในการขาดทุนและเหรียญน้องๆก็ร่วงตามๆกันไปโดยอัตโนมัติ ยกเว้น USD coin
ณ วันที่ 13 มิถุนายน มูลค่าตลาดของคริปโตทั่วไปอยู่ที่ 9.64 แสนล้านดอลลาร์ ลดลงกว่า 2.16 ล้านล้านดอลลาร์ที่บันทึกไว้ในวันที่ 1 มกราคม ซึ่งขาดทุนมากกว่า 55% หรือ 1.19 ล้านล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของ CoinMarketCap
Bitcoin มีแนวโน้มที่จะปรับฐานให้ต่ำกว่า 20,000 ดอลลาร์
เว็บไซต์ siamblockchain.com ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังให้ความเห็นว่า Bitcoin มีแนวโน้มที่จะปรับฐานให้ต่ำกว่า 20,000 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่ตลาดกระทิง
โดยที่ผ่านมา นักลงทุนคงจะเห็นแล้ว่าตลาดคริปโต หรือสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นตลาดที่มีความผันผวนสูงเป็นปกติ ซึ่งที่ผ่านมาความผันผวนของตลาดคริปโตยังส่งผลกระทบต่อหุ้นบล็อกเชนอื่นๆ เช่น Marathon Digital Holding (NASDAQ: MARA) , Coinbase (NASDAQ: COIN) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญที่ 13.7%, 12% และ 12% เป็นต้น
Bitcoin ได้ร่วงลงมาอย่างรุนแรงตั้งแต่จุดสูงสุดของเมื่อวานนี้ที่ 28,000 ดอลลาร์ ลงมาเหลืออยู่แค่ 22,326 ดอลลาร์ ถือเป็นการร่วงติดต่อกัน 2 วันอย่างรุนแรงมากเลยก็ว่าได้
ภาพประกอบ : AFP
เงินเฟ้อ ดอกเบี้ย เป็นตัวกระตุ้นให้ตลาดคริปโตสั่นคลอน
ตลาด crypto ยังอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง และยังคาดการณ์กันว่าธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด จะต้องขึ้นดอกเบี้ยอย่างแน่นอน และเมื่อใดก็ตามที่เฟดออกมาแสดงท่าที ก็ทำให้ตลาดคริปโตสั่นคลอนทุกครั้ง
อย่างไรก็ตามการกระตุ้นของ FED โดยทันทีทำให้ตลาดทรุดตัวลงต่ำกว่า 1 ล้านล้านเหรียญ และกระตุ้นให้นักลงทุนรายใหญ่ๆเทขาย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งแตะระดับ 8.6% ซึ่งยิ่งทำให้ตลาดตื่นตระหนกยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การออกกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการซื้อขายหรือการขุดคริปโต อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา ที่ได้ดำเนินการหลายขั้นตอนในการควบคุมพื้นที่โดยการแนะนำการเรียกเก็บเงิน crypto ก่อนที่รัฐสภาจะดำเนินไปพร้อมกับการเคลื่อนไหวของกระทรวงการคลังเพื่อควบคุมกระเป๋าเงินสินทรัพย์ดิจิทัล ทำเอานักลงทุนหลายคนเซ็งไปตามๆกัน เพราะยิ่งกดให้ราคาคริปโตมีความเสี่ยงหดตัวมากขึ้น
จับตานักลงทุนรายใหญ่ "Elon Musk" และ "Michael Saylor" จะเขย่าตลาด?
" Elon Musk " CEO ของ Tesla นั้นถือ Bitcoin อยู่มากกว่า 40,000 BTC ในช่วงตลาดกระทิงในปี 2021 และที่ผ่านมาได้ทำกำไรกว่า 1 พันล้านดอลลาร์จากต้นทุนเพียง 1.5 พันล้านดอลลาร์ โดยถือว่าเป็น 0.206% ของอุปทาน Bitcoin ทั้งหมด ในขณะที่ " Michael Saylor " CEO ของ Microstrategy ที่ทุ่มเงินเกือบ 4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อ BTC กว่า 129,218 BTC หรือประมาณ 0.615% ของอุปทานทั้งหมด 21 ล้านเหรียญ โดยได้ทำให้ Bitcoin ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าหุ้น Microstrategy (MSTR) ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน และมีข่าว่า Microstrategy สถานการณ์ไม่สู้ดีนักหาก Saylor จะต้องเติมเงินกู้มาลงทุน Bitcoin ถ้าราคาต่ำกว่า 21,000 ดอลลาร์ ซึ่งหากมีความเคลื่อนไหวของสองคนนี้ จะมีผลกระทบต่อตลาดไม่มากก็น้อย
แม้จะมีการวิเคราะห์จากบรรดากูรูหลายๆท่าน แต่ความแน่นอนมีขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้จากนี้เราคงคาดเดาได้ยากว่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลหรือ Bitcoin จะฟื้นกลับมาจริงๆได้เมื่อไหร่ เพราะทุกวันนี้ก็ดูแทบจะไม่เห็นแสงในปลายอุโมงค์เลย ช่วงนี้จึงเห็นแรงเทขายไม่หยุด จนทำให้กระดานเทรดบางราย ต้องห้ามนักลงทุนชะลอการขาย Bitcoin แล้ว
ภาพประกอบ : AFP
อ้างอิงข้อมูลจาก : th.investing.com ,siamblockchain.com