รีเซต

เช็กลิสต์ 4 อาการเข้าข่ายป่วยเป็น “วัณโรค” รู้เร็วรักษาให้หายได้

เช็กลิสต์ 4 อาการเข้าข่ายป่วยเป็น “วัณโรค” รู้เร็วรักษาให้หายได้
TNN ช่อง16
24 มีนาคม 2565 ( 17:45 )
158

วันนี้ ( 24 มี.ค. 65 )นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า วัณโรค เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไมโคแบคทีเรียม ทูเบอร์คูโลซิส  วัณโรคสามารถเป็นได้ทุกส่วนของอวัยวะทั่วร่างกาย และบริเวณที่พบการติดเชื้อวัณโรคมากที่สุดก็คือปอด เชื้อวัณโรคติดต่อผ่านทางระบบหายใจ โดยการแพร่เชื้อด้วยการไอ จาม ละอองฝอยเสมหะที่ออกมาจากผู้ป่วยที่มีเชื้อวัณโรคในปอด กระจายอยู่ในอากาศและตกลงสู่พื้น โดยผู้ที่สูดหายใจรับเชื้อวัณโรคเข้าสู่ร่างกาย จะทำให้มีโอกาสติดเชื้อและป่วยเป็นวัณโรคได้ 

นอกจากการติดเชื้อที่ปอดแล้ว เชื้ออาจจะกระจายไปส่วนอื่นๆของร่างกายได้ เช่น สมอง กระดูก ต่อมน้ำเหลือง ไต ผิวหนัง อาการของวัณโรคจะมีอาการดังนี้

1.ไอเรื้อรังเกิน 2 สัปดาห์ มีไข้ต่ำๆ อาจมีเหงื่อออกมากตอนกลางคืน 

2.อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง ผอมลง

3. เหนื่อยหอบ เจ็บหน้าอก  

4.ไอแห้งหรือมีเสมหะปนเลือด หากพบว่ามีอาการไอติดต่อกันนานเกิน 2-3 สัปดาห์ 

ทั้งนี้ถ้าผู้ป่วยหรืออาศัยอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นวัณโรคหรือเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายไม่แข็งแรง เช่น เบาหวาน ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย โดยการเอ็กซเรย์ดูความผิดปกติของปอด ตรวจเสมหะเพื่อหาเชื้อวัณโรค ซักประวัติ และตรวจร่างกาย

 นายแพทย์เอนก  กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์  กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ที่ป่วยเป็นวัณโรคสามารถรักษาให้หายได้โดยการรับประทานยาต่อเนื่องตามแพทย์สั่งอย่างน้อย 4 ชนิด เป็นระยะเวลา 6 เดือน มาตรวจตามแพทย์นัดทุกครั้ง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายให้เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ระหว่างรับประทานยารักษาวัณโรค โดยการรักษาด้วยการใช้ยาสามารถมีอาการข้างเคียงได้บ้าง เช่น เป็นตับอักเสบ มีผื่นขึ้นตามตัว ผิวหนังเป็นรอยช้ำ ตัวเหลือง ตาเหลือง คลื่นไส้ อาเจียน สายตา ฝ้าฟาง มองไม่ชัดเจน หูอื้อ เดินเซเสียการทรงตัว หากเกิดปัญหาจากการใช้ยาอย่าพึ่งหยุดยา  หรือควรรีบไปพบแพทย์เพื่อปรับการใช้ยา หรือปรับชนิดของยาเพื่อการใช้ยาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม                         

สำหรับผู้ป่วยที่ยังไม่ได้รับการรักษาหรือพึ่งเริ่มรับประทานยาได้ 2 สัปดาห์ ควรแยกห้องนอน หลีกเลี่ยงไปในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา โดยเฉพาะเวลาไอ จาม บริเวณที่อยู่อาศัยควรเปิดประตู หน้าต่าง เพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวก แสงแดดส่องถึง ไม่บ้วนเสมหะ หรือน้ำลายลงพื้น รับประทานยาให้ครบทุกเม็ดทุกมื้อตามแผนการรักษาของแพทย์ และถ้าหากมีอาการผิดปกติให้รีบมาพบแพทย์ทันที

ข่าวที่เกี่ยวข้อง