BTS ขาดทุน 5.24 พันลบ. งดปันผล ขาดทุนจาก KEX 4.36 พันลบ.

#BTS #ทันหุ้น - บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS แจ้งผลการดำเนินงานงวดปี สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567 มีขาดทุนสุทธิ 5,241.24 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.40 บาท เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน มีกำไรสุทธิ 1,836.48 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.14 บาท
คณะกรรมการมีมติงดจ่ายเงินปันผล จากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 เม.ย. 2566 ถึงวันที่ 31 มี.ค. 2567
ที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2567 มีมติกำหนดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 25 ก.ค. 2567 เวลา 13.30 น. สถานที่ประชุม ห้องพญาไท แกรนด์ บอลรูม ชั้น 6 โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท เลขที่ 18 ถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record date) 18 มิ.ย. 2567 วันที่ไม่ได้รับสิทธิเข้าประชุม (XM) 17 มิ.ย. 2567 วาระการประชุมที่สำคัญ การเพิ่มทุน, งดจ่ายเงินปันผล และพิจารณาและอนุมัติการโอนทุนสำรองตามกฎหมายเพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ
คณะกรรมการมีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวนหุ้นสามัญที่เพิ่มทุน 650 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.94% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 4.00 บาทต่อหุ้น จัดสรรให้กับบุคคลในวงจำกัด (PP) ทั้งหมด
ภาพรวมโดยสรุปประจำปี 2566/67
ในปี 2566/67 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 24,387 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.0%หรือ 248 ล้านบาท จากปีก่อน รายได้ที่เพิ่มขึ้นมีสาเหตุหลักมาจาก (1) การเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยรับ จำนวน 1,094 ล้านบาท และ (2) รายได้จากการบริการและการขายที่เพิ่มขึ้น จำนวน 726 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของรายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณา ภายใต้ธุรกิจ MIX และการรับรู้รายได้ค่าโดยสารของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพูเป็นครั้งแรก ควบคู่กับการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการเดินรถ และซ่อมบำรุง (O&M) ภายใต้ธุรกิจ MOVE อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของรายได้ดังกล่าวถูกหักกลบด้วย การลดลงของรายได้จากการให้บริการรับเหมา จำนวน 904 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพูภายหลังการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์
ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 24.7% หรือ 4,333 ล้านบาท จากปีก่อน เป็น 21,843 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าและจำหน่ายเงินลงทุนที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวใน บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KEX) จำนวน 4,363 ล้านบาท
บีทีเอส กรุ๊ป บันทึก กำไรจากการดำเนินงานที่เกิดขึ้นเป็นประจำก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยและภาษี (Recurring EBITDA) จำนวน 8,138 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.1% หรือ 469 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของ Recurring EBITDA ของธุรกิจ MOVE ซึ่งได้แรงหนุนจากการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยรับที่เกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้า และส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากเงินลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นดังกล่าวถูกหักกลบบางส่วนด้วย Recurring EBITDA ของธุรกิจ MIX ที่ลดลง
สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารซึ่งเป็นผลจากการขยายธุรกิจบริษัท ซุปเปอร์ เทอร์เทิล จำกัด (มหาชน) (TURTLE) และบริษัท แรบบิท แคช จำกัด (RCash) ควบคู่กับการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งขาดทุนสุทธิจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม (ผลขาดทุนจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นใน KEX และผลขาดทุนจากการดำเนินงานในบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) (JMART) นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของผลขาดทุนจากการดำเนินงานในบริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (แรบบิท โฮลดิ้งส์) เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผลประกอบการของธุรกิจ MATCH ปรับตัวลง
ขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จำนวน 5,241 ล้านบาท ปัจจัยหลักจาก (1) ผลกระทบจากการรับรู้รายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวของผลขาดทุนจากการด้อยค่าและจำหน่ายเงินลงทุนใน KEX (2) การบันทึกส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม (ส่วนใหญ่มาจากแรบบิท โฮลดิ้งส์' ควบคู่กับส่วนแบ่งขาดทุนที่เพิ่มขึ้นจากเงินลงทุนใน KEX) และ (3) ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี หากหักรายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำ (ซึ่งรวมถึงผลขาดทุนจากการด้อยค่าและจากการจำหน่ายเงินลงทุนใน KEX ดังกล่าวข้างต้น) บริษัทรายงานกำไรสุทธิหลังปรับปรุงแล้ว จำนวน 275 ล้านบาท และอัตรากำไรสุทธิ (ก่อนรายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำ หลังหักส่วนที่เป็นของผู้มีส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุมของบริษัทย่อย) อยู่ที่ 1.2%
สินทรัพย์รวม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 จำนวน 272,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.4% หรือ 1,155 ล้านบาท จาก ณ 31 มีนาคม 2566โดยลูกหนี้ภายใต้สัญญากับหน่วยงานภาครัฐ และลูกหนี้ภายใต้สัญญาซื้อขายพร้อมติดตั้งระบบการเดินรถ (E&M) เพิ่มขึ้นจำนวน 7,932 ล้านบาท จาก 31 มีนาคม 2566