รีเซต

6 หุ้นท่องเที่ยว เอาไงต่อ! หลังตัวเลขจีนน่าผิดหวังมี downside

6 หุ้นท่องเที่ยว เอาไงต่อ! หลังตัวเลขจีนน่าผิดหวังมี downside
ทันหุ้น
6 ธันวาคม 2566 ( 14:47 )
31
6 หุ้นท่องเที่ยว เอาไงต่อ! หลังตัวเลขจีนน่าผิดหวังมี downside

#ทันหุ้น - บล.กรุงศรี สแกนหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2566F น่าจะถึงเป้า 28 ล้านคน แต่จีนจะพลาดเป้า เมื่ออิงจากยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงพฤศจิกายนอยู่ที่ 25 ล้านคน ฝ่ายวิจัย คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้น่าจะเป็นไปตามเป้าของ ททท./ธปท. ที่ 28 ล้านคนได้ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวน่าจะเพิ่มขึ้น 10-20% mom ในเดือนธันวาคมปีนี้ 

 

โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนจะอยู่ที่ 3.4 ล้านคนเท่านั้น คิดเป็นเพียง 31% ของระดับก่อน COVID เท่านั้น และต่ำกว่าเป้าของ ททท.คาดเล็กน้อยที่ 3.5 ล้านคน และกระทรวงการคลังที่ 5 ล้านคน แต่จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจากยุโรป, ซาอุดิอาระเบีย, U.A.E, รัสเซีย, เกาหลีใต้ และเอเชีย (figure 5) น่าจะช่วยชดเชยจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่น่าผิดหวังได้ 

ฝ่ายวิจัยคาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2567F อยู่ที่ 33 ล้านคน ในประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2567F ของ ททท. ที่ 35 ล้านคน (+25% yoy) นักท่องเที่ยวจีนมีจำนวน 8.2 ล้านคน ซึ่งมองว่าค่อนข้างสูง และมี downside ซึ่งหากฝ่ายวิจัยใช้สมมติฐานว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในปีหน้าอยู่ที่ 12,000 คน/วัน (+20% จากเฉลี่ย 10,000 คน/วัน ในปี 2566F) จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในปี 2567F จะอยู่ที่ประมาณ 4.5 ล้านคนเท่านั้น 

 

ดังนั้น จึงคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2567F จะอยู่ที่ 33 ล้านคน (+22% yoy) ซึ่งต่ำกว่าเป้าของ ททท. อยู่พอสมควร ทั้งนี้ หากใช้สมมติฐานว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนปีหน้าอยู่ที่ 4.5 ล้านคน ประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติของ ททท. ในปี 2567F จะลดลงมาอยู่ที่ 30 ล้านคนเท่านั้น คิดเป็นอัตราการเติบโตเพียง 8% yoy ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ฝ่ายวิจัยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะโตช้ากว่าประมาณการของ ททท. คือฝ่ายวิจัยมองว่าจีนยังคงประสบภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งจากการประเมินของ IMF GDP ของจีนจะลดลงเหลือ 4.6% ในปี 2567F และ 3.5% ในระยะยาว จากคาดการณ์ 5.4% ในปี 2566F

 

Implication เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ฝ่ายวิยจึงคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการสนามบินอย่าง “AOT” (BB consensus: แนะนำซื้อ 13 ราย/ถือ 2 ราย, ราคาเป้าหมาย 80 บาท) (ผู้โดยสารจีนคิดเป็นเพียง 10% ในปี FY66 จาก 27% ในช่วงก่อน COVID-19 ) และสายการบินที่ให้บริการผู้โดยสารจีนอย่าง “AAV” (แนะนำซื้อ 9 ราย/ถือ 3 ราย, ราคาเป้าหมาย 2.70 บาท) (ผู้โดยสารจีนคิดเป็นเพียง 12% ของรายได้รวมในงวด 9M66 จาก 21% ในช่วงก่อน COVID-19 ระบาด)

 

ฝ่ายวิจัยคาดว่าธุรกิจโรงแรมจะได้รับผลกระทบจำกัด เมื่อดูจาก Figure 17-18 occupancy rate ในปัจจุบันของโรงแรมในประเทศไทยกลับมาอยู่ที่ 68-80% ของระดับก่อน COVID ระบาดแล้ว และคาดว่าจะดีขึ้นต่อเนื่องใน Q4/66 จากการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการเข้าสู่ช่วง peak ตามฤดูกาลของการท่องเที่ยวไทย (ทำให้โรงแรมสามารถ ขึ้นอัตราค่าห้องพักให้สอดคล้องกับอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง) 

 

รวมถึงการที่มีนักท่องเที่ยวที่มีกำลัง ซื้อสูงขึ้นจากรัสเซีย และตะวันออกกลาง (ซาอุดิ อาระเบีย และ U.A.E) เข้ามาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้น จะส่งผลบวกต่อโรงแรมในประเทศที่มุ่งจับตลาดในระดับกลางถึงหรู (Mid-to-Luxury) อย่างเช่น ERW (67% ของรายได้มาจากโรงแรมในกลุ่ม Midscale-Luxury) (แนะนำซื้อ 13 ราย ถือ 1 ราย, ราคาเป้าหมาย 6.45 บาท), 

 

AWC (เกือบ 100% ของธุรกิจโรงแรมมาจากโรงแรมหรูระดับบน (upper-luxury hotel)) (แนะนำซื้อ 4 รายถือ 1 ราย, ราคาเป้าหมาย 5.50 บาท) 

 

แต่คาดว่าแนวโน้มดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับ CENTEL น้อยมาก (แนะนำซื้อ 4 ราย/ถือ 8 ราย, ราคาเป้าหมาย 48.75 บาท) เพราะธุรกิจอาหารคิดเป็น 57% ของรายได้รวม ซึ่งถูกกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น 

 

ในขณะที่จะกระทบกับ MINT น้อยมากเช่นกัน (แนะนำซื้อ 14 ราย, ราคาเป้าหมาย 40 บาท) (90% ของรายได้มาจากต่างประเทศ และ Q4-Q1 เป็นช่วง low season ของโรงแรมในยุโรป)

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง