ลุยถอดถอนทรัมป์หวังแบนยุ่งการเมือง
เมื่อวันที่ 10 มกราคม นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาสังกัดพรรคเดโมแครต ยืนยันว่าสภาฯกำหนดเดินหน้ากระบวนการถอดถอนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์พ้นจากตำแหน่งด้วยการอิมพีชเมนต์โดยเร็วที่สุดในฐานะเป็นผู้ยุยงให้ผู้สนับสนุนโจมตีอาคารรัฐสภาระหว่างการประชุมร่วมสองสภาก่อนหน้านี้ โดยอาจเริ่มได้ในวันที่ 11 มกราคมนี้ ด้วยการยื่นหนังสือเรียกร้องให้รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ให้ประกาศว่าทรัมป์ไม่มีความเหมาะสมสำหรับตำแหน่งประธานาธิบดีอีกต่อไป เพื่อดำเนินการตามรัฐบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 25 ที่อาศัยเสียงข้างมากเด็ดขาด 2 ใน 3 ในสภาผู้แทนฯและวุฒิสภาเพื่อถอดถอนพ้นตำแหน่งต่อไป แต่หากไม่มีการตอบสนองใดๆ จากรองประธานาธิบดีเพนซ์ ก็จะเริ่มกระบวนการอิมพีชเมนต์ของสภาฯทันที และจะส่งผลให้ทรัมป์กลายเป็นผู้นำอเมริกันคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกถอดถอนด้วยกระบวนการอิมพีชเมนต์ถึง 2 ครั้งใน 4 ปี
รายงานข่าวระบุว่าแม้จะมีหลายฝ่ายเรียกร้องให้ถอดทรัมป์พ้นตำแหน่งในทันที แต่ยังมีส.ส.และส.ว. ในสังกัดพรรครีพับลิกันน้อยมากที่แสดงท่าทีดังกล่าวออกมาชัดเจน มีเพียง นายแพท ทูมมีย์ วุฒิสมาชิกรีพับลิกันจากเพนซิลเวเนีย กับนาง ลิซา เมอร์คอว์สกี วุฒิสมาชิกรีพับลิกันจากรัฐอลาสกา เท่านั้นที่บอกชัดเจน ทรัมป์ควรลาออกหรือไม่ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งโดยเร็วที่สุุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้ว่าจะเหลือเวลาดำรงตำแหน่งตามวาระอยู่อีกเพียง 10 วันก็ตาม สอดคล้องกับความเห็นของนางเพโลซี ที่เห็นว่ากรณีนี้ต้องถือเป็นเรื่องเร่งด่วนเพราะทรัมป์ถือเป็นภัยคุกคามทั้งต่อประเทศชาติและประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่อง
นางเพโลซี กล่าวในรายการซิกซ์ตีมินิตส์ ออกอากาศในวันเดียวกันนี้ว่า รีพับลิกันควรดำเนินการต่อทรัมป์เหมือนกับที่เคยดำเนินการกับประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสันหลังคดีฉาววอเตอร์เกต นั่้นคือพากันตบเท้าเข้าไปบอกกับทรัมป์ว่า “ทุกอย่างจบแล้ว” ซึ่งควรจะเกิดขึ้นโดยทันทีในตอนนี้ อย่างไรก็ตามนายทูมมีย์ชี้ว่า ยังมองไม่เห็นทางที่จะเร่งรัดให้กระบวนการอิมพีชเมนต์สำเร็จก่อนหน้าวันสาบานตนรับตำแหน่งของนายโจ ไบเดน ซึ่งจะเป็นวันสิ้นสุดอำนาจในฐานะประธานาธิบดีของทรัมป์ด้วย อย่างไรก็ตามมีสมาชิกสภาคองเกรสจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เห็นตรงกันว่าการอิมพีชเมนต์ครั้งนี้จำเป็นต้องทำ เพื่อให้แน่ใจว่า ทรัมป์ จะไม่สามารถลงสมัครรับการเลือกตั้งไม่ว่าจะในตำแหน่งใดๆ ได้อีกในอนาคต
ในขณะที่แกนนำของพรรคเดโมแครตเอง หวังใช้กระบวนการอิมพีชเมนต์นี้เพื่อปูทางให้นายโจ ไบเดน ดำเนินการตามแนวนโยบายของตนได้สะดวกสบายในช่วง 100 วันแรกของการดำรงตำแหน่ง โดยใช้ยุทธวิธี ผ่านร่างอิมพีชเมนต์ในสภาล่างให้เร็วที่สุด จากนั้นก็ชะลอการส่งต่อไปยังวุฒิสภาไว้ 100 วันเพื่อกดดันพรรครีพับลิกันดังกล่าว
พฤติกรรมของทรัมป์ที่ยุยงต่อผู้สนับสนุนที่มีแนวคิดสุดโต่งให้บุกอาคารรัฐสภาเริ่มส่งผลกระทบโดยตรงต่อพรรครีพับลิกันและสมาชิกพรรคทั้งหมด เมื่อสมาคมธุรกิจขนาดใหญ่รวมทั้ง บลูครอสส์บลูชีลด์ และ ซิตีกรุ๊ป ประกาศระงับการบริจาคเงินสมทบเพื่อการรณรงค์ทางการเมืองแก่พรรคและสมาชิกพรรครีพับลิกันที่สนับสนุน “การบ่อนทำลายประชาธิปไตย” และ “ไม่เคารพหลักนิติรัฐ” (เอพี/รอยเตอร์)