คอลัมน์ People In Focus : เรย์ชาร์ด บรู๊คส์ ชายผิวสีเหยื่อกระสุนตำรวจรายล่าสุด

คอลัมน์ People In Focus : เรย์ชาร์ด บรู๊คส์ชายผิวสีเหยื่อกระสุนตำรวจรายล่าสุด
เรย์ชาร์ด บรู๊คส์ ชายผิวสีวัย 27 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแอตแลนต้า ยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน นับเป็นอีกเหตุการณ์ที่เติมเชื้อไฟให้กับการประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวในสหรัฐอเมริกา ที่ลุกลามไปทั่วประเทศหลังการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ที่เมืองมินนีอาโปลิส ก่อนหน้านี้
เหตุการณ์ก่อนบรู๊คส์ ถูกสังหาร เริ่มต้นขึ้นจากพนักงานของร้านเวนดี้ เครือข่ายร้านอาหารชื่อดังของสหรัฐ โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีรถจอดขวางทางรับสินค้าแบบไดร์ฟทรูของร้าน
เดวิน บรอสแนนเจ้าหน้าที่ตำรวจ รายแรกเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุพบบรู๊คส์กำลังหลับอยู่ในรถ เจ้าหน้าที่เคาะกระจกปลุกบรู๊คส์จนตื่น มีการสั่งให้เลื่อนรถ สอบถามพูดคุย และทดสอบอาการเมาแล้วขับ
การพูดคุยเป็นไปโดยปกติ ขณะที่บรู๊คส์เองก็ปฏิบัติตามแต่โดยดี
เหตุการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อ การ์เร็ตต์ รอล์ฟ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เดินทางมาสมทบที่ร่วมทดสอบอาการเมาแล้วขับกับบรู๊คส์ด้วย จะใส่กุญแจมือบรู๊คส์ แต่บรู๊คส์ขัดขืนจนเกิดการตะลุมบอนกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายกับบรู๊คส์ที่พยายามดิ้นรนเพื่ออิสระ
บรู๊คส์ แย่งปืนช็อตไฟฟ้าจากบรอสแนนได้ ดิ้นหลุดจากมือเจ้าหน้าที่ ชกไปที่หน้าของรอล์ฟ ก่อนจะวิ่งหนีไป
ด้านเจ้าหน้าที่รอล์ฟ วิ่งตามไปติดๆพร้อมกับปืนช็อตไฟฟ้า บรู๊คส์ ขณะที่วิ่งไปก็หันปืนช็อตไฟฟ้ากลับมาที่รอล์ฟ ช่วงเวลานี้เองที่รอล์ฟ ชักปืนพกขึ้นมายิงใส่บรู๊ส์ ไป 3 นัดจนบรู๊คส์ล้มลง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ารวจสอบบรู๊คส์มีการปั้มหัวใจและเรียกรถพยาบาลก่อนที่บรู๊คส์ จะเสียชีวิตลงในโรงพยาบาลในเวลาต่อมา
เหตุการณ์ดังกล่าวลุกลามกลายเป็นการประท้วงและจลาจลเผาร้านเวนดี้ในคืนถัดมา ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจรอล์ฟ ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจแอตแลนต้าประกาศลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
บรู๊คส์ วัย 27 ปี อาศัยในเมืองแอตแลนต้า มีภรรยา และมีลูกสาว 3 คน วัย 1,2 และ 8 ปี รวมถึงลูกเลี้ยงวัย 13 ปีอีก 1 คน
บรู๊คส์ ทำงานในร้านอาหารแม็กซิกันแห่งหนึ่ง โดยเหตุเกิดขึ้น 1 วันก่อนหน้าวันเกิดลูกสาววัย 8 ปีในวันที่ 13 มิถุนายน โดยในวันเกิดเหตุบรู๊คส์ก็เพิ่งพาลูกสาวไปเที่ยว เล่นเกม ทำเล็บ และนัดกันไว้ว่าวันรุ่งขึ้นจากพาลูกสาวไปเล่นสเก็ตด้วย
โทมิกา มิลเลอร์ ภรรยาของบรู๊คส์ ระบุว่าตนยังรับไม่ได้ถึงข้อเท็จจริงที่ว่าสามีของเธอต้องจากไปชั่วนิรันด์ และไม่คิดเลยว่าความใจจากการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ที่ทำให้เธอต้องร้องไห้ไปก่อนหน้านี้จะเกิดขึ้นกับตัวเธอเอง
มิลเลอร์ ยอมรับว่ายังไม่กล้าพอที่จะดูคลิปวิดีโอเหตุการณ์เสียชีวิตของสามี และต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายถูกจำคุก เนื่องจากเหตุการ์ดังกล่าวเป็นการฆาตรกรรมคนที่ไม่มีอาวุธ
ด้านแชสซิดี อีแวนส์ หลานสาวของบรู๊คส์ ระบุว่า 1 วันหลังจากลุงบรู๊คส์ถูกฆ่า ลูกสาวคนโตของลุงเธอยังคงนั่งรอพ่อ ในชุดวันเกิด รอให้พ่อมารับไปเล่นสเก็ต นับเป็นเรื่องที่สะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง
นี่เป็นอีกเหตุการณ์ที่สะท้อนความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำกับคนผิวสีในสหรัฐอเมริกา
และเรย์ชาร์ด บรู๊คส์ คงจะไม่ใช่คนสุดท้ายหากรัฐบาลสหรัฐยังไม่ปฏิรูปวงการตำรวจในประเทศอย่างจริงจัง