CHAYOซื้อหนี้พอร์ตแน่น มุ่งชิงเอ็นพีแอล 7-8หมื่นล.
#CHAYO #ทันหุ้น - CHAYO ยิ้ม โค้งแรกกวาดซื้อหนี้ตุนพอร์ตหลักพันล้านบาท ชี้ยังมี TOR ที่รอประกาศอีก 7-8หมื่นล้านบาท คาดไตรมาส 2/2565 ทยอยชัดเจน ด้านธุรกิจสินเชื่อ 3 เดือนแรกปล่อยยอดใหม่แล้วกว่า 200 ล้านบาท มั่นใจผลงานไตรมาสแรกปีนี้ทุบสถิติ อวด NPA ทำเลศักยภาพในมือยังมีอีกมาก กูรูคาดกำไรโต 39%จากไตรมาสก่อน
นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานในไตรมาสแรกปี 2565 เชื่อว่าจะเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนและโดดเด่นกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน เพราะในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้บริษัทได้มีการจัดหาหนี้ด้อยคุณภาพใหม่จากสถาบันการเงินในประเทศเข้ามาเติมพอร์ตได้เพิ่มมูลค่ารวมหลักพันล้านบาท จากการใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท อีกทั้งยังมี TOR ที่คาดจะทยอยออกมาอีกกว่า 70,000-80,000 ล้านบาท เบื้องต้นคาดเห็นความชัดเจนมากขึ้นในไตรมาส 2/2565 เป็นต้นไป หรือหลังหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้
*สินเชื่อโต
ส่วนธุรกิจให้สินเชื่อนั้น ในช่วง 3เดือนแรกของปีนี้สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้วประมาณ 100-200 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 2565ที่จะมีการปล่อยสินเชื่อใหม่แตะระดับ 1,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นสัดส่วนแบบที่มีหลักประกัน 70-80% ส่วนที่เหลือราว 20-30% เป็นแบบไม่มีหลักประกัน โดยในปีนี้บริษัทจะเดินหน้าให้สินเชื่อกับสถาบันการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงให้สินเชื่อประเภทธุรกิจแฟรนไชส์ให้กับ SMEs ควบคู่ไปด้วย อย่างไรก็ดี ในปีนี้คาดว่ารายได้จากการให้สินเชื่อจะมีสัดส่วนเป็นมากกว่า 20-25% ของรายได้รวม
ความคืบหน้าในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับสถาบันการเงินนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการวางโมเดลร่วมกับธนาคารกสิกรไทย ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมีความสนใจและอยู่ระหว่างการศึกษาการจับมือกับทางสถาบันการเงินรายใหญ่อื่นเพิ่มเติม เบื้องต้นคาดว่าในปี 2565จะได้ข้อสรุปไม่น้อยกว่า 2 ราย ซึ่งคาดว่าจะเห็นการทำเอกสารและขอใบอนุญาตในการจัดตั้งบริษัทร่วมในช่วงไตรมาส 2/2565 และในไตรมาส 3/2565คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการและรับรู้รายได้เข้ามาได้เพิ่มเติม
จากปัจจัยข้างต้นที่กล่าวมาทำให้บริษัทมีความมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปี 2565 จะทำได้ดีหรืออาจมากกว่าเป้าหมายการเติบโตที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 25% จากปีก่อน โดยธุรกิจรับซื้อหนี้ด้อยคุณภาพยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าการจัดซื้อหนี้ใหม่ที่เข้ามาเติมพอร์ตจะดันให้พอร์ตมูลหนี้คงค้างจะเพิ่มขึ้นอีก 10,000ล้านบาท เป็นมากกว่า 90,000ล้านบาท และมีโอกาสขึ้นไปแตะระดับ 100,000 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตมูลหนี้คงค้างอยู่ที่เกือบ 80,000 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ที่มีหลักประกันประมาณ 20,000 ล้านบาท และ 60,000 ล้านบาท เป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน
อย่างไรก็ตาม การเติบโตดังกล่าวยังไม่ถูกนับรวมกับการขายทอดตลาดของหลักประกันของลูกหนี้แห่งหนึ่งในภาคใต้ผ่านกรมบังคับคดี 3 แปลง ที่จังหวัดพังงา มูลค่ารวม 900.80 ล้านบาท ที่คาดว่าการชำระยอดที่เหลือทั้งหมดจะเข้ามาในช่วงไตรมาส 2/2565 ไม่เกินไตรมาส 3/2565 นี้ ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมีหลักทรัพย์ที่เป็น NPA ในทำเลที่มีศักยภาพอยู่ในมืออีกหลายแปลง และได้รับความสนใจจากลูกค้าหลายรายเข้ามาเจรจา แต่คาดว่าการจะจำหน่ายออกอาจยังไม่ใช่ภายในปีนี้
**Q1 กำไรโต 39%
บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่า คาดกำไรไตรมาส 1/2565ที่ 68 ล้านบาท ดีขึ้น 39% จากไตรมาสก่อน และ 5%เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน ในแง่ของรายได้จากการบริหารหนี้ด้อยคุณภาพที่คาดปรับตัวดีขึ้น ราว 5% จากไตรมาสก่อน จากยอดจัดเก็บที่ปรับตัวดีขึ้นหลังมีการเปิดเมือง ขณะที่รายได้จากการให้บริการเร่งรัดหนี้สินคาดปรับตัวดีขึ้นราว 21% จากไตรมาสก่อน โดยสถาบันการเงินอาจนำหนี้ด้อยคุณภาพมาให้ติดตามมากขึ้นหลังหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้
ด้านรายได้ดอกเบี้ยจากการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลคาดปรับตัวดีขึ้นถึง 101% จากไตรมาสก่อน โดยคาดสินเชื่อจะเติบโตราว 13% จากไตรมาสก่อน แต่รายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่มาจากการรับรู้รายได้จากฐานสินเชื่อ ณ สิ้นปี 2564 ได้เต็มไตรมาส นอกจากนี้ ยังคาดจะมีการขาย NPA ได้บางแปลง โดยคาดจะรับรู้กำไรจากการขาย NPA เข้ามาราว 24 ล้านบาท
อีกทั้งเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาบริษัทได้รายงานตลาดเรื่องการขายหลักประกันของ NPL ในจังหวัดพังงาผ่านกรมบังคับคดี มูลค่า 900.8 ล้านบาท คาดจะมีกำไรจากการขายราว 300 ล้านบาท บันทึกเข้ามาในช่วงไตรมาส 2/2565หรือไตรมาส 3/2565ดังนั้นจึงปรับประมาณการกำไรปี 2565 ขึ้น 89%จากประมาณการก่อนหน้ามาอยู่ที่ 540 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 147%เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน) โดยนอกจากกำไรจากการขาย NPL แปลงใหญ่แล้ว แนวโน้มผลประกอบการทั่วไปในปี 2565 ค่อนข้างสดใส คาดยอดจัดเก็บในปีนี้ปรับตัวดีขึ้นหลังมีการเปิดเมือง
ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยจากการปล่อยสินเชื่อคาดจะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยผลักดันกำไร หลังคาดสินเชื่อปี 2565เติบโตสูงมาอยู่ที่ราว 800 ล้านบาท เติบโต 236%เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน ด้าน CHAYO JV (CHAYO ถือหุ้น 55% กับนักลงทุนอื่น อาทิ COM7, JWD, PREB) ได้ซื้อหนี้มาราว 200 ล้านบาท ที่จะเริ่มรับรู้รายได้ในปีนี้ด้วยเช่นกัน ส่วนการ JV กับสถาบันการเงิน คาดจะเห็นความชัดเจนในครึ่งปีหลัง ทางฝ่ายให้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 17.70 บาท อิง PBV 4.25 เท่า และคงคำแนะนำ “ซื้อ” หลังราคาหุ้นได้ปรับตัวลงสะท้อนหุ้นปันผลที่ XD ไปแล้ว ทำให้ Upside ยังน่าสนใจ