รีเซต

CHAYOซื้อหนี้พอร์ตแน่น มุ่งชิงเอ็นพีแอล 7-8หมื่นล.

CHAYOซื้อหนี้พอร์ตแน่น มุ่งชิงเอ็นพีแอล 7-8หมื่นล.
ทันหุ้น
18 เมษายน 2565 ( 06:33 )
187

#CHAYO #ทันหุ้น - CHAYO ยิ้ม โค้งแรกกวาดซื้อหนี้ตุนพอร์ตหลักพันล้านบาท ชี้ยังมี TOR ที่รอประกาศอีก 7-8หมื่นล้านบาท คาดไตรมาส 2/2565 ทยอยชัดเจน ด้านธุรกิจสินเชื่อ 3 เดือนแรกปล่อยยอดใหม่แล้วกว่า 200 ล้านบาท มั่นใจผลงานไตรมาสแรกปีนี้ทุบสถิติ อวด NPA ทำเลศักยภาพในมือยังมีอีกมาก กูรูคาดกำไรโต 39%จากไตรมาสก่อน

 

นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานในไตรมาสแรกปี 2565 เชื่อว่าจะเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนและโดดเด่นกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน เพราะในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้บริษัทได้มีการจัดหาหนี้ด้อยคุณภาพใหม่จากสถาบันการเงินในประเทศเข้ามาเติมพอร์ตได้เพิ่มมูลค่ารวมหลักพันล้านบาท จากการใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท อีกทั้งยังมี TOR ที่คาดจะทยอยออกมาอีกกว่า 70,000-80,000 ล้านบาท เบื้องต้นคาดเห็นความชัดเจนมากขึ้นในไตรมาส 2/2565 เป็นต้นไป หรือหลังหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้

 

*สินเชื่อโต

 

ส่วนธุรกิจให้สินเชื่อนั้น ในช่วง 3เดือนแรกของปีนี้สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้วประมาณ 100-200 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 2565ที่จะมีการปล่อยสินเชื่อใหม่แตะระดับ 1,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นสัดส่วนแบบที่มีหลักประกัน 70-80% ส่วนที่เหลือราว 20-30% เป็นแบบไม่มีหลักประกัน โดยในปีนี้บริษัทจะเดินหน้าให้สินเชื่อกับสถาบันการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงให้สินเชื่อประเภทธุรกิจแฟรนไชส์ให้กับ SMEs ควบคู่ไปด้วย อย่างไรก็ดี ในปีนี้คาดว่ารายได้จากการให้สินเชื่อจะมีสัดส่วนเป็นมากกว่า 20-25% ของรายได้รวม

 

ความคืบหน้าในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับสถาบันการเงินนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการวางโมเดลร่วมกับธนาคารกสิกรไทย ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมีความสนใจและอยู่ระหว่างการศึกษาการจับมือกับทางสถาบันการเงินรายใหญ่อื่นเพิ่มเติม เบื้องต้นคาดว่าในปี 2565จะได้ข้อสรุปไม่น้อยกว่า 2 ราย ซึ่งคาดว่าจะเห็นการทำเอกสารและขอใบอนุญาตในการจัดตั้งบริษัทร่วมในช่วงไตรมาส 2/2565 และในไตรมาส 3/2565คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการและรับรู้รายได้เข้ามาได้เพิ่มเติม

 

จากปัจจัยข้างต้นที่กล่าวมาทำให้บริษัทมีความมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปี 2565 จะทำได้ดีหรืออาจมากกว่าเป้าหมายการเติบโตที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 25% จากปีก่อน โดยธุรกิจรับซื้อหนี้ด้อยคุณภาพยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าการจัดซื้อหนี้ใหม่ที่เข้ามาเติมพอร์ตจะดันให้พอร์ตมูลหนี้คงค้างจะเพิ่มขึ้นอีก 10,000ล้านบาท เป็นมากกว่า 90,000ล้านบาท และมีโอกาสขึ้นไปแตะระดับ 100,000 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตมูลหนี้คงค้างอยู่ที่เกือบ 80,000 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ที่มีหลักประกันประมาณ 20,000 ล้านบาท และ 60,000 ล้านบาท เป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน

 

อย่างไรก็ตาม การเติบโตดังกล่าวยังไม่ถูกนับรวมกับการขายทอดตลาดของหลักประกันของลูกหนี้แห่งหนึ่งในภาคใต้ผ่านกรมบังคับคดี 3 แปลง ที่จังหวัดพังงา มูลค่ารวม 900.80 ล้านบาท ที่คาดว่าการชำระยอดที่เหลือทั้งหมดจะเข้ามาในช่วงไตรมาส 2/2565 ไม่เกินไตรมาส 3/2565 นี้ ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมีหลักทรัพย์ที่เป็น NPA ในทำเลที่มีศักยภาพอยู่ในมืออีกหลายแปลง และได้รับความสนใจจากลูกค้าหลายรายเข้ามาเจรจา แต่คาดว่าการจะจำหน่ายออกอาจยังไม่ใช่ภายในปีนี้

 

**Q1 กำไรโต 39%

 

บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่า คาดกำไรไตรมาส 1/2565ที่ 68 ล้านบาท ดีขึ้น 39% จากไตรมาสก่อน และ 5%เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน ในแง่ของรายได้จากการบริหารหนี้ด้อยคุณภาพที่คาดปรับตัวดีขึ้น ราว 5% จากไตรมาสก่อน จากยอดจัดเก็บที่ปรับตัวดีขึ้นหลังมีการเปิดเมือง ขณะที่รายได้จากการให้บริการเร่งรัดหนี้สินคาดปรับตัวดีขึ้นราว 21% จากไตรมาสก่อน โดยสถาบันการเงินอาจนำหนี้ด้อยคุณภาพมาให้ติดตามมากขึ้นหลังหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้

 

ด้านรายได้ดอกเบี้ยจากการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลคาดปรับตัวดีขึ้นถึง 101% จากไตรมาสก่อน โดยคาดสินเชื่อจะเติบโตราว 13% จากไตรมาสก่อน แต่รายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่มาจากการรับรู้รายได้จากฐานสินเชื่อ ณ สิ้นปี 2564 ได้เต็มไตรมาส นอกจากนี้ ยังคาดจะมีการขาย NPA ได้บางแปลง โดยคาดจะรับรู้กำไรจากการขาย NPA เข้ามาราว 24 ล้านบาท

 

อีกทั้งเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาบริษัทได้รายงานตลาดเรื่องการขายหลักประกันของ NPL ในจังหวัดพังงาผ่านกรมบังคับคดี มูลค่า 900.8 ล้านบาท คาดจะมีกำไรจากการขายราว 300 ล้านบาท บันทึกเข้ามาในช่วงไตรมาส 2/2565หรือไตรมาส 3/2565ดังนั้นจึงปรับประมาณการกำไรปี 2565 ขึ้น 89%จากประมาณการก่อนหน้ามาอยู่ที่ 540 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 147%เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน) โดยนอกจากกำไรจากการขาย NPL แปลงใหญ่แล้ว แนวโน้มผลประกอบการทั่วไปในปี 2565 ค่อนข้างสดใส คาดยอดจัดเก็บในปีนี้ปรับตัวดีขึ้นหลังมีการเปิดเมือง

 

ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยจากการปล่อยสินเชื่อคาดจะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยผลักดันกำไร หลังคาดสินเชื่อปี 2565เติบโตสูงมาอยู่ที่ราว 800 ล้านบาท เติบโต 236%เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน ด้าน CHAYO  JV (CHAYO ถือหุ้น 55% กับนักลงทุนอื่น อาทิ COM7, JWD, PREB) ได้ซื้อหนี้มาราว 200 ล้านบาท ที่จะเริ่มรับรู้รายได้ในปีนี้ด้วยเช่นกัน ส่วนการ JV กับสถาบันการเงิน คาดจะเห็นความชัดเจนในครึ่งปีหลัง ทางฝ่ายให้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 17.70 บาท อิง PBV 4.25 เท่า และคงคำแนะนำ “ซื้อ” หลังราคาหุ้นได้ปรับตัวลงสะท้อนหุ้นปันผลที่ XD ไปแล้ว ทำให้ Upside ยังน่าสนใจ

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง