Benz S600 Guard sedan long รถประจำตำแหน่งนายกฯ ซดน้ำมันกี่กิโลเมตรต่อลิตร
ข่าววันนี้ ช่วงนี้คนไทยกำลังประสบวิกฤตน้ำมันแพง พุ่งขึ้นหนักหนาสาหัส และมีแนวโน้มจะยังไม่หยุด ร้อนจนรัฐบาลต้องออกมาขอความร่วมมือให้ประชาชนงดใช้รถส่วนตัว จนมีคำถามกลับไปที่รัฐบาลว่า ครม.ไม่เห็นใช้รถสาธารณะให้ดูเป็นตัวอย่าง
ที่จริงรัฐบาลไม่ได้เพิ่งพูดเรื่องนี้ แต่พูดมาแล้วหลายครั้ง เพราะเห็นสัญญานราคาพลังงานโลก
4 กุมภาพันธ์ เวลา 11.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเตือนประชาชนให้ช่วยรัฐบาลโดยร่วมมือกันประหยัดพลังงาน เพราะสถานการณ์เรื่องพลังงานโลกกำลังมีปัญหา ทั้งเรื่องต้นทุนการผลิต ราคาน้ำมันดิบ ซึ่งยังไม่รวมค่าขนส่งและค่าแปรรูปต่างๆ ที่มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นทุกวัน
“เราต้องเตรียมพร้อมของเราว่าจะทำอย่างไรที่จะอยู่อย่างพอเพียง อะไรที่ประหยัดได้ก็ประหยัด อะไรที่ลดลงได้ก็ลด อย่างเช่นการใช้รถขอให้ใช้รถที่จำเป็นจริงๆ บางคนอาจจะต้องใช้ในเรื่องของการประกอบอาชีพ หรือการเดินทาง ขอให้ใช้ประหยัดแล้วกัน”
7 มีนาคม เวลา 14.45 น.พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นรายวัน ขอให้คนไทยต้องช่วยรัฐบาลบ้าง ช่วยประเทศชาติกันบ้าง ใช้รถส่วนตัวเท่าที่จำเป็นเพราะราคาน้ำมันสูงขึ้นทุกวัน
“สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้เราบังคับใครไม่ได้ เพียงแต่ขอให้ทุกคนช่วยกันประหยัดพลังงานให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะการใช้รถเท่าที่จำเป็นเพราะราคาน้ำมันสูงขึ้นทุกวัน เราก็ดูแลไปได้ในระดับหนึ่งแล้ว ถ้ามันสูงขึ้นไปกว่านี้มากขึ้นไปเรื่อยๆ เราจะทำยังไง งบประมาณเราก็มีจำกัดอยู่เท่านี้
ยานยนต์มติชนวันนี้เลยขอนำเสนอข้อมูล โดยพาไปดูและทำความรู้จักกับรถประจำตำแหน่งนายกฯ กันดีกว่า โดยเฉพาะไปดูว่ารถนายกฯนั้นกินน้ำมันกี่กิโลเมตร ต่อลิตร
Benz S600 Guard sedan long คือรถประจำตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีไทยถูกคัดเลือกโดยคณะกรรมการภายใต้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งจากการยึดอำนาจช่วงปี 2558 โดยที่จริง โครงการสรรหาพาหนะสำหรับบุคคลสำคัญนั้นเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดที่แล้วแต่มาจบที่รัฐบาลประยุทธ์ 1 ช่วงแรกงบประมาณการจัดซื้อที่ตั้งไว้ 90 ล้านบาท ต่อมา 30 มิถุนายน 2558 สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ทำสัญญาซื้อรถเบนซ์ รุ่น S600 Guard sedan long จำนวน 4 คัน จากบริษัท Mercedes Benz ในวงเงิน 78 ล้านบาท
สำหรับ Mercedes Benz S600 Guard sedan long จัดเป็นรถสำหรับบุคคลสำคัญระดับโลกเลือกใช้ ถือว่าเป็นรถที่มีความปลอดภัยในระดับที่สูงมาก ป้องกันการก่อการร้ายได้ทุกสถานการณ์ อาวุธขนาดเล้กทำอะไรรถคันนี้ไม่ได้อย่างแน่นิน เพราะการทดลองยิงด้วยปืนขนาดเล็กทุกชนิดแล้ว รวมๆหลายร้อยนัด ในช่วงที่ทำการทดลองวิจัย ทั้งยังมีความซับซ้อนในการผลิต จึงถูกสร้างด้วยมือ มีโรงงานผลิตอยู่ที่เมือง Sindelfingen หรืออยู่นอกเมืองสตุตการ์ต ประเทศเยอรมนี ราคาอยู่ที่ 19.5 ล้านบาท
S600 Guard Sedan Long เป็นรถซีดานหุ้มเกราะ ภายนอกรวมถึงโครงสร้างตัวถังมีการติดอุปกรณ์ความปลอดภัยไว้อย่างเต็มที่ มาพร้อมกระจกหนา 4 นิ้ว ป้องกันอาวุธได้หลายรูปแบบ อาทิ กระสุน ไรเฟิล ระเบิดมือ ไปจนถึงระเบิดหนัก 15 กิโลกรัม นอกจากนั้นยังมี ระบบระบายอากาศที่สามารถขับไล่ควัน,แก๊สพิษและแก๊สน้ำตาออกจากรถได้, ระบบป้องกันความร้อนบริเวณกระจก, ระบบดับเพลิงอัตโนมัติ, ระบบเปิดปิดกระจกด้วยไฮดรอลิก ในปี 2014 เป็นรถยนต์คันแรกที่ได้รับการรับรองระบบป้องกันขีปนาวุธ Class VR9 อย่างสมบูรณ์
น้ำหนักของ S600 Guard Sedan Long ทั้งน้ำหนักตัวปกติและน้ำหนักตัวจากชุดเกราะด้วย จะอยู่ที่ราวๆมากกว่า 4 ตัน
มากันที่เครื่องยนต์ เบนซิน V12 รหัส M275 ขนาด 6 ลิตร 12 สูบ เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 530 แรงม้า มีแรงบิด 830 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดที่ 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ต้องล็อกไว้เท่านี้ เพราะป้องกันระบบเบรกของรถที่มันหนักมากนั่นเอง ระบบส่งกำลังหรือเกียร์ แบบอัตโนมัติแบบ 7-G Tronic Plus เป็นเกียร์ออโต 7 อัตราทด แม้น้ำหนักตัวจะหนักขนาดนี้ แต่มันสามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียงแค่ 7.8 วินาที
สำหรับข้อมูลการบริโภคน้ำมันนั้น emercedesbenz.com เปิดเผยข้อมูลไว้ระบุว่า Mercedes-Benz S 600 Guard มีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงรวม 18.4 ลิตร/100 กม., หรือคิดเป็นหน่วย กิโลเมตร/ลิตร ก็เท่ากับ 5.4 กิโลเมตรต่อลิตร [km/l] ในอัตราการขับขี่แบบปกติ ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือกินน้ำมันมากกว่าเก๋งอีโคคาร์ราวๆ 3-4 เท่าเอง แต่ถ้าขับขี่ในเมืองคงจะซดน้ำมันกว่านี้เป็นแน่
สำหรับอัตราการปล่อย CO2 ของ S600 Guard Sedan Long ถูกระบุว่าไว้ที่ 421 ก./กม. เทียบรถเก๋งอีโคคาร์ปัจจุบันที่อัตราการปล่อย CO2 อยู่ที่ 100 ก./กม
อันที่จริงเครื่องยนต์ของรถนายกฯนั้น เป็นเครื่องยนต์แบบเดิม ใช้การเผาไหม้ของน้ำมันในการขับเคลื่อน ซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันเพื่อช่วยประหยัดพลังงานก็พัฒนาไปไกลแล้ว ทั้งเครื่องยนต์ไฮบริดที่ใช้พลังงานไฟฟ้ามาทำงานกับเครื่องยนต์ หรือจะเป็นเครื่องยนต์แบบอีพาวเวอร์ ที่ใช้เครื่องยนต์ปั่นไฟมาหมนมอเตอร์ และล่าสุดคือรถไฟฟ้าแบบ 100% ไม่ต้องเติมน้ำมันซักหยด
ถ้ารัฐบาลจริงจังกับเรื่องประหยัดพลังงาน ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นรถประจำตำแหน่งนายกฯเป็นรถยนต์ไฟฟ้าก็ได้