Bitcoin อาจร่วงแตะ $113K ก่อนวิ่งทำสถิติใหม่ นักวิเคราะห์ชี้นี่คือ “ส่วนลดครั้งสุดท้าย”

Bitcoin อาจร่วงแตะ $113K ก่อนวิ่งทำสถิติใหม่ นักวิเคราะห์ชี้นี่คือ “ส่วนลดครั้งสุดท้าย”
ราคา Bitcoin (BTC) อาจกำลังเข้าสู่ช่วง “รีเทสต์” โซนสำคัญระหว่าง $111,000–$113,000 ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็น โอกาสซื้อครั้งสุดท้าย ก่อนที่ราคาจะวิ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ (ATH) อีกครั้ง
Bitcoin กำลังทดสอบโซนแนวรับสำคัญ
ในเดือนกันยายน Bitcoin พุ่งขึ้นเกือบ 6% สวนทางกับสถิติเดิมที่มักเป็นเดือนอ่อนแอของตลาดคริปโต โดยราคาล่าสุดแตะกรอบอุปทานใหญ่ที่ $115,600–$117,300 และเผชิญแรงขายบางส่วน
หาก BTC สามารถปิดแท่งเหนือ $117,300 ได้อย่างมั่นคง จะเป็นสัญญาณบวกต่อการทำจุดสูงสุดใหม่ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการประชุม FOMC ที่คาดว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ย ราคามีการย่อตัวลงต่ำกว่า $114,500 ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่าเป็น จังหวะสะสมที่น่าสนใจ
การเคลื่อนไหวนี้คล้ายกับโครงสร้างราคาช่วงไตรมาส 2 ที่ Bitcoin เคยย่อตัวต่ำกว่า $100,000 ก่อนรีบาวด์ขึ้นทะลุ $120,000 ในเดือนกรกฎาคม
URPD Metric และแนวรับ $113K
ข้อมูลจาก URPD (UTXO Realized Price Distribution) แสดงให้เห็นว่า 5.5% ของอุปทาน BTC ทั้งหมด ถูกซื้อขายในโซน $110,000–$113,000 ทำให้ระดับราคานี้เป็นหนึ่งในโซนที่นักลงทุนสะสมมากที่สุดในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ มีฐานนักลงทุนใหม่จำนวนมากที่เข้ามาซื้อในระดับนี้ สะท้อนความเชื่อมั่นว่า $113K คือราคาที่คุ้มค่าสำหรับการถือระยะยาว
พฤติกรรมของ Miner และนักลงทุนระดับกลาง
นักวิเคราะห์ ShayanBTC ระบุว่าพฤติกรรมของ นักขุด (miners) ที่สะสม BTC เพิ่ม บวกกับโครงสร้างทางเทคนิค กำลังสร้างแนวโน้มเชิงบวกต่อราคา โดยชี้ว่า “ตราบใดที่ $112K ยังถูกป้องกันได้ Bitcoin จะยังคงมีโมเมนตัมขาขึ้นต่อเนื่อง”
นอกจากนี้ ยังพบว่ากระเป๋ากลุ่ม Shark (ถือ 100–1,000 BTC) ได้เพิ่มการถือครองเกือบ 1 ล้าน BTC ตั้งแต่กรกฎาคม 2024 สู่ระดับ 5.939 ล้าน BTC ขณะที่กระเป๋าใหญ่ระดับ Whale และ Humpback ลดการถือรวมกว่า 715,000 BTC ซึ่งถูกดูดซับโดยนักลงทุนรายกลางและรายใหม่
นี่สะท้อนว่าอุปทานที่ถูกปล่อยออกมาโดยกระเป๋าใหญ่ ถูกแทนที่ด้วยผู้เล่นหน้าใหม่ ทำให้โครงสร้างตลาดมีเสถียรมากขึ้น
จังหวะทองของ Bitcoin?
ด้วยโครงสร้างทางเทคนิคที่แข็งแรง การสะสมของนักลงทุนรายกลาง และพฤติกรรมของ Miner ทำให้ระดับ $111K–$113K ถูกมองว่าเป็น โซนรับสำคัญ ที่หากยืนได้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการทำสถิติสูงสุดใหม่
นักวิเคราะห์มองว่าการย่อตัวในช่วงนี้อาจเป็น “ส่วนลดครั้งสุดท้าย” ของ Bitcoin ก่อนเข้าสู่รอบขาขึ้นที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
อ้างอิง : cointelegraph.com
ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/bitcoin-last-discount-113k-before-new-highs
mUSD Stablecoin ของ MetaMask เปิดตัวแล้ว! เตรียมใช้จ่ายผ่านบัตร Mastercard ภายในสิ้นปี
MetaMask กระเป๋าเงินคริปโตยอดนิยม เปิดตัว mUSD Stablecoin อย่างเป็นทางการเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยถือเป็นสเตเบิลคอยน์ตัวแรกที่ออกโดยกระเป๋าเงินแบบ self-custodial ซึ่งถูกวางตัวให้เป็น “ดอลลาร์ดิจิทัลมาตรฐาน” ภายในอีโคซิสเต็มของ MetaMask เอง
รายละเอียดของ mUSD
- ผู้ออกเหรียญ: Bridge แพลตฟอร์มที่อยู่ภายใต้ Stripe
- ระบบโครงสร้าง: ใช้ M0’s decentralized infrastructure
- การค้ำประกัน: 1:1 ด้วยสินทรัพย์ที่มีคุณภาพและสภาพคล่องสูง
- ความโปร่งใส: ตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์
- การใช้งาน: มี cross-chain composability ผ่านเครือข่ายสภาพคล่องของ M0
ปัจจุบัน mUSD มีมูลค่าหมุนเวียนราว 18 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ทางการ
MetaMask กับการผลักดัน Stablecoin
MetaMask กล่าวไว้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมว่า mUSD จะกลายเป็นสกุลเงินดิจิทัลมาตรฐานสำหรับผู้ใช้งานในระบบ โดยผู้ใช้สามารถ
- On-ramp (ซื้อด้วยเงินเฟียต)
- ถือครอง (Hold)
- แลกเปลี่ยน (Swap)
- โอน (Transfer)
- และ Bridge ไปยังเชนอื่น ๆ
นอกจากนี้ ทีมงานยังมีแผนจะเปิดให้ ใช้งาน mUSD ผ่าน MetaMask Card ในร้านค้าที่รับ Mastercard ได้ภายในสิ้นปีนี้
การแข่งขัน Stablecoin ที่ร้อนแรง
การเปิดตัว mUSD ของ MetaMask เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดสเตเบิลคอยน์กำลังร้อนแรง หลังจาก
- Tether เปิดตัว USAT ซึ่งเป็นเหรียญดอลลาร์ที่สอดคล้องกับกฎหมายสหรัฐฯ
- Hyperliquid เปิดตัวสเตเบิลคอยน์ของตัวเอง
- ธนาคารดั้งเดิมเริ่มสนใจออกเหรียญดอลลาร์ดิจิทัลหลังมีความชัดเจนด้านกฎระเบียบ
การก้าวเข้าสู่ตลาดสเตเบิลคอยน์ของ MetaMask ถือว่าเป็นการเปลี่ยนบทบาทจากเพียงผู้ให้บริการกระเป๋าเงิน มาเป็นผู้เล่นรายสำคัญในตลาดดอลลาร์ดิจิทัล
การเปิดตัว mUSD Stablecoin ของ MetaMask เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของวงการคริปโต ที่อาจสร้างการแข่งขันใหม่ระหว่างผู้ให้บริการสเตเบิลคอยน์รายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Tether (USDT), Circle (USDC) หรือผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง Hyperliquid โดยมี MetaMask เป็นตัวแปรใหม่ที่น่าจับตามอง
ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/metamask-launches-musd-stablecoin
Standard Chartered ชี้ Ethereum ได้ประโยชน์มากกว่า Bitcoin และ Solana จากกระแส DAT
Geoffrey Kendrick หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของ Standard Chartered เผยรายงานล่าสุดว่าการเติบโตของ Digital Asset Treasury (DAT) หรือบริษัทมหาชนที่ถือครองคริปโตในงบดุล จะเป็นปัจจัยบวกต่อ Ethereum (ETH) มากกว่า Bitcoin (BTC) และ Solana (SOL)
DATs กำลังถูกทดสอบ
บริษัท DAT เผชิญแรงกดดันหนักในช่วงที่ผ่านมา หลังค่า mNAV (market value ต่อมูลค่าคริปโตที่ถือครอง) ร่วงลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงตาม และทำให้ความสามารถในการระดมทุนเพื่อซื้อเพิ่มลดลง
Kendrick ระบุว่า ณ ตอนนี้ DATs ถือครองแล้ว:
- 4% ของอุปทาน BTC
- 3.1% ของอุปทาน ETH
- 0.8% ของอุปทาน SOL
ด้วยสัดส่วนมหาศาลนี้ การเคลื่อนไหวของ DATs จึงมีผลโดยตรงต่อราคาในตลาด
ทำไม ETH มีภาษีดีกว่า BTC และ SOL?
Kendrick ชี้ว่าความแตกต่างจะยิ่งชัดขึ้นในอนาคต โดยปัจจัยสำคัญ 3 ด้านที่กำหนดความสำเร็จของ DAT ได้แก่:
- Funding – ความสามารถในการระดมทุนต้นทุนต่ำ
- Size – ขนาดของบริษัทและการเป็น “ผู้นำกลุ่ม”
- Yield – การสร้างผลตอบแทนจากการ Stake
ทั้ง ETH และ SOL สามารถสร้างรายได้จากการ Stake ได้ ต่างจาก BTC ที่ไม่ให้ผลตอบแทนลักษณะนี้ อย่างไรก็ตาม Ethereum Treasuries มีความแข็งแกร่งและพัฒนาไปไกลกว่า Solana
การสะสมของ ETH Treasuries
หนึ่งในตัวอย่างคือ BitMine Immersion (BMNR) DAT รายใหญ่ที่จดทะเบียนใน NYSE American ปัจจุบันถือครองแล้วกว่า 2 ล้าน ETH หรือราว 5% ของอุปทานทั้งหมด และยังอยู่เพียงหนึ่งในสามของเป้าหมายการสะสม
Kendrick ระบุว่า “ในเชิงเปรียบเทียบ เรามองว่า DATs จะเป็นแรงขับเคลื่อนเชิงบวกต่อ Ethereum มากกว่า Bitcoin หรือ Solana ในอนาคต”
แม้ว่า Bitcoin จะเป็นสินทรัพย์หลักที่บริษัท DAT จำนวนมากถือครอง แต่แรงกดดันจากการอิ่มตัวของตลาดและการควบรวมอาจทำให้ความสามารถในการซื้อใหม่ลดลง ขณะที่ Ethereum มีจุดแข็งจากการ Stake และการยอมรับที่กว้างขวางกว่า จึงน่าจะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการเติบโตของ DATs
อ้างอิง : theblock.co
ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/standard-chartered-ethereum-benefit-dat-over-bitcoin-solana
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
