รวมเด็ด 5 นวัตกรรมเพื่อการแพทย์ จากแขนกลถึง AI ช่วยวินิจฉัยโรค

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทในวงการแพทย์อย่างชัดเจน ตั้งแต่การวินิจฉัยโรค การดูแลผู้ป่วย ไปจนถึงการฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกาย นวัตกรรมเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือเสริม แต่กำลังกลายเป็นกำลังหลักที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของมนุษย์อย่างเป็นรูปธรรม
5 เรื่องราวนวัตกรรมด้านการแพทย์และสุขภาพ ที่สะท้อนทิศทางอนาคตของการดูแลมนุษย์ด้วยเทคโนโลยี ได้แก่
1. อังกฤษพัฒนาหมวกสแกนสมองทารก ตรวจพบความผิดปกติได้เร็วขึ้น
นักวิจัยจากโรงพยาบาลโรซีมาเทอร์นิตี (Rosie Maternity Hospital) ในสหราชอาณาจักร เปิดตัวผลงานวิจัยใหม่ในการพัฒนา หมวกสแกนสมองสำหรับทารก ที่ช่วยให้แพทย์สามารถตรวจหาความผิดปกติและอาการบาดเจ็บในสมองได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
หมวกดังกล่าวใช้เซ็นเซอร์วัดแสงเพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของระดับออกซิเจนบริเวณพื้นผิวสมอง โดยอาศัยเทคนิคการใช้แสงเอกซเรย์ที่มีความหนาแน่นสูง ผสานกับคลื่นอัลตราซาวด์ ทำให้สามารถสร้างภาพหลอดเลือดขนาดเล็กที่อยู่ลึกเข้าไปในสมองได้
จุดเด่นของนวัตกรรมนี้คือความสะดวกในการใช้งาน แพทย์สามารถสแกนสมองของทารกได้ในขณะที่เด็กยังนอนอยู่บนเปล โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายหรือสร้างความไม่สบายตัว ทีมวิจัยคาดหวังว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้สามารถวินิจฉัยอาการบาดเจ็บทางสมองได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ลดความเสี่ยงของความพิการตลอดชีวิต เช่น โรคลมบ้าหมู หรือภาวะสมองพิการที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวในอนาคต
2. ญี่ปุ่นส่งหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ดูแลผู้สูงวัย แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน
ญี่ปุ่นซึ่งกำลังเผชิญปัญหาสังคมผู้สูงอายุและการขาดแคลนแรงงานด้านการดูแลสุขภาพ หันมาใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์เป็นทางออก ด้วยการพัฒนา หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ AIREC เพื่อช่วยดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง
หุ่นยนต์ AIREC พัฒนาโดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยวาเซดะ (Waseda University) และได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลญี่ปุ่น ตัวหุ่นยนต์มีน้ำหนักประมาณ 150 กิโลกรัม สูง 154 เซนติเมตร ออกแบบให้สามารถเคลื่อนไหวและสัมผัสร่างกายมนุษย์ได้อย่างระมัดระวัง เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
AIREC ถูกออกแบบให้ทำงานอย่างการเปลี่ยนผ้าอ้อม การพลิกตัวผู้ป่วย และตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวโดยไม่ตั้งใจของมนุษย์ ทีมวิจัยคาดว่าจะเริ่มทดลองใช้งานจริงภายในปี 2040 และพัฒนาให้สามารถทำงานอย่างอิสระหรือทำงานร่วมกับแพทย์ได้ภายในปี 2050 โดยราคาต่อหน่วยคาดว่าจะอยู่ที่ราว 10 ล้านเยน หรือประมาณ 2.2 ล้านบาท
3. มนุษย์ vs AI ศึกวินิจฉัยโรคที่ชี้ว่า “เทคโนโลยีต้องทำงานร่วมคน”
จีนจัดการแข่งขันเชิงสาธิตระหว่าง แพทย์มนุษย์กับแพทย์ที่ใช้ AI ช่วยวินิจฉัยโรค ในงานประชุมปัญญาประดิษฐ์โลก ที่นครเซี่ยงไฮ้ เพื่อทดสอบศักยภาพของเทคโนโลยีทางการแพทย์
การแข่งขันนี้ใช้ทีมนักรังสีแพทย์ชั้นนำ 6 คนจากโรงพยาบาลจงซาน แบ่งเป็นสองทีม ทีมหนึ่งใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ภาพเอกซเรย์ทรวงอก ขณะที่อีกทีมใช้ความเชี่ยวชาญของมนุษย์เพียงอย่างเดียว
ผลการแข่งขันพบว่าทีมที่ใช้ AI สามารถวินิจฉัยได้รวดเร็วกว่า แต่กลับพลาดรายละเอียดสำคัญบางจุด ในขณะที่ทีมมนุษย์ล้วน แม้จะใช้เวลามากกว่า แต่สามารถวิเคราะห์ได้แม่นยำและพบภาวะบางอย่างที่ AI มองข้ามไป
ผู้จัดการแข่งขันย้ำว่า ผลลัพธ์นี้ไม่ได้หมายความว่า AI จะมาแทนที่แพทย์ แต่สะท้อนว่า AI ควรทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย เพื่อเพิ่มความเร็วและสนับสนุนการตัดสินใจทางการแพทย์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
4. ฮ่องกงใช้ AI สร้างกระดูก 3 มิติจาก X-ray ลดรังสีผู้ป่วย 99%
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกง (HKUST) พัฒนาเทคโนโลยี AI ที่สามารถสร้าง แบบจำลองกระดูก 3 มิติ จากภาพ X-ray เพียง 2–4 ภาพ ลดความจำเป็นในการสแกน CT และลดปริมาณรังสีที่ผู้ป่วยได้รับลงถึงร้อยละ 99
ระบบ AI นี้ใช้เวลาเพียง 30 วินาทีในการสร้างแบบจำลอง 3 มิติ ทำให้แพทย์สามารถมองเห็นโครงสร้างกระดูกและอวัยวะได้อย่างละเอียด ช่วยให้การวินิจฉัยและวางแผนการรักษามีความแม่นยำสูงขึ้น
นอกจากนี้ แบบจำลองดิจิทัลยังสามารถนำไปพิมพ์เป็นชิ้นส่วนจริงด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ เพื่อสร้างอุปกรณ์ฝังในร่างกายแบบเฉพาะบุคคล โดยมีความคลาดเคลื่อนน้อยกว่า 1 มิลลิเมตร และเป็นไปตามมาตรฐานทางคลินิก ช่วยลดเวลารอคอยและเพิ่มประสิทธิภาพในการผ่าตัด
5. แขนกลอัจฉริยะถอดมือได้ เพิ่มอิสระให้ผู้พิการ
นวัตกรรมด้านอวัยวะเทียมก้าวไปอีกขั้น กับการเปิดตัว แขนกลไบโอนิก Hero PRO จากบริษัท โอเพน ไบโอนิก (Open Bionics) ที่มาพร้อมคุณสมบัติเด่น คือ “มือกลที่ถอดออกจากแขนได้” และควบคุมจากระยะไกล
ผู้สาธิตการใช้งานคือ ทิลลี ล็อกคีย์ (Tilly Lockey) อินฟลูเอนเซอร์ผู้ใช้แขนกลไบโอนิก โดยมือกลสามารถแยกออกไปทำงาน เช่น เปิดไฟ หรือหยิบของ แล้วกลับมาต่อเข้ากับแขนได้ เพิ่มอิสระในการใช้ชีวิตประจำวัน
แขนกลรุ่นนี้ยังมีการพัฒนาระบบหมุนข้อมือที่ลื่นไหล และขั้วรับสัญญาณไร้สายสำหรับอ่านสัญญาณกล้ามเนื้อ ทำให้การควบคุมนิ้วมือเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น บริษัทโอเพน ไบโอนิก ซึ่งก่อตั้งในปี 2014 เป็นผู้บุกเบิกการใช้การพิมพ์ 3 มิติสร้างแขนกล และ Hero Arm ได้รับการยอมรับว่าเป็นมือไบโอนิกพิมพ์ 3 มิติที่ได้รับการรับรองทางการแพทย์เป็นรายแรกของโลก
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
