ยอดตายโควิด-19 ในลาตินอเมริกาพุ่งเกินแสน

วันนี้( 24 มิ.ย.63) สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในภูมิภาคลาตินอเมริกาและแคริบเบียนยังคงวิกฤติหนัก ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตในภูมิภาคทะลุ 100,000 คนแล้ว ในจำนวนนี้อยู่ในบราซิลกว่าครึ่งหนึ่ง ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วภูมิภาคเกินกว่า 2.1 ล้านราย ประเทศที่มีการแพร่ระบาดรุนแรง ได้แก่ บราซิล เม็กซิโก เปรู และชิลี โดยเฉพาะบราซิล ซึ่งมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐ ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 1,150,000 คน และมีผู้เสียชีวิตเกือบ 53,000 คน วานนี้วันเดียวพบผู้เสียชีวิต 1,374 คน

ด้านผู้พิพากษาในบราซิลต้องออกคำสั่งให้ประธานาธิบดีชาอีร์ โบลโซนาโร สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่ออยู่ในที่สาธารณะในกรุงบราซิเลีย หลังประธานาธิบดีบราซิลถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีความเสี่ยงว่าอาจทำให้เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แพร่กระจาย

ส่วนเม็กซิโกเผชิญการแพร่ระบาดรุนแรงไม่แพ้กัน รอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,288 คน เพิ่มยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วประเทศเป็นกว่า 191,000 คน และผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 23,377 คน ขณะที่ผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมากในโรงพยาบาลหลายแห่งในกรุงเม็กซิโกซิตี ต้องถูกนำตัวออกจากโรงพยาบาลอย่างโกลาหลเมื่อวานนี้ หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.4 ทางตอนใต้ของประเทศ ที่แรงสั่นสะเทือนรู้สึกได้ไกลถึงเมืองหลวง ขณะที่แพทย์และพยาบาลพยายามปลอบโยนผู้ป่วยในหอผู้ป่วยหนัก ซึ่งต่างอยู่ในอาการตื่นตระหนก

ด้านเปรูพบผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศเกินกว่า 260,000 คนแล้ว ขณะที่ผู้คนในประเทศเผชิญมาตรการล็อคดาวน์เข้มข้นมาครบ 100 วัน แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดก็ยังไม่ดีขึ้น อย่างไรก็ดี รัฐบาลเปรูเพิ่งได้รับมอบเครื่องช่วยหายใจ 250 เครื่องจากสหรัฐที่จะมาช่วยชีวิตผู้ป่วยโควิด-19 อาการวิกฤตจำนวนมากในโรงพยาบาล ส่วนเพื่อนบ้านเปรูทางตอนเหนืออย่างโคลอมเบีย รัฐบาลประกาศขยายมาตรการล็อกดาวน์ต่อไปจนถึงวันที่ 15 กรกฎาคม เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ตอนนี้ยอดผู้ป่วยสะสมมีมากกว่า 73,500 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2,404 คน