รีเซต

'สุพจน์' เผย 'บิ๊กตู' สั่งยกระดับ ศูนย์รองรับผู้ป่วยโควิด แจง เด็กติดโควิดสอบได้แต่ต้องแบ่งโซนให้ชัด

'สุพจน์' เผย 'บิ๊กตู' สั่งยกระดับ ศูนย์รองรับผู้ป่วยโควิด แจง เด็กติดโควิดสอบได้แต่ต้องแบ่งโซนให้ชัด
มติชน
24 กุมภาพันธ์ 2565 ( 14:46 )
44

ข่าววันนี้  เมื่อเวลา 12.45 น. วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ให้สัมภาษณ์กรณีคณะรัฐมนตรี มีมติชะลอการปรับรูปแบบยูเซ็ปโควิดออกไป ว่า เรื่องนี้รอให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ชี้แจง ส่วนที่มีข้อสังเกตการจะปรับเงื่อนไขยูเซป มีส่วนเกี่ยวข้องกับงบประมาณนั้น เรื่องงบประมาณดูแลโควิดเราพิจารณาในภาพรวม แม้จะแบกหนักแต่ถ้าจำเป็นก็ต้องดำเนินการเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องได้พิจารณาในภาพรวม ให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ไม่ได้กำชับอะไรในส่วนนี้เป็นพิเศษ เพียงแต่ให้ทบทวนดูรายละเอียดให้รอบคอบและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าตัวเลขผู้ป่วยที่สูงขึ้นมากในขณะนี้มีมาตรการรองรับอย่างไร พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า เรามีมาตรการออกมาอย่างต่อเนื่องและยุทธศาสตร์แก้โควิดเราก็พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เช่น เปิดให้ประชาชนได้กลับมาประกอบอาชีพ เพื่อให้เศรษฐกิจได้เดินหน้า แนวทางที่จะกลับไปล็อกดาวน์เหมือนช่วงแรกคงทำได้ยากยกเว้นจำเป็นอย่างที่สุด ซึ่งตนคาดว่าจะไม่เกิดฉะนั้นการปรับการแก้ไขคือเราต้องปรับตัวในทุกส่วนทั้งประชาชนและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะการดำเนินชีวิตแบบป้องกันให้เราอยู่กับโควิดให้ได้ อีกทั้งนายกฯยังสั่งให้แต่ละภาคส่วนเข้าไปดูแลจุดที่เป็นคลัสเตอร์ต่างๆแบบละเอียดก็เชื่อว่าตัวเลขจะลดลง

 

เมื่อถามว่ามีการเตรียมมาตรการหากผู้ติดเชื้อรายวันถึงแสนคนหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าว “มีครับ ตัวเลขการครองเตียง การติดเชื้อจะถูกประเมินทุกวัน ทำคู่ขนานเป็นเปอร์เซ็นต์ขยับไปเรื่อยๆ แต่กว่าจะไปถึงสถานการณ์ตอนนั้นต้องมีมาตรการมากกว่านี้ เราคงไม่ได้สร้างโรงพยาบาลสนามรองรับคนเป็นแสนแน่ๆ กระทรวงสาธารณสุขคิดต่อเนื่องอยู่แล้ว”

 

พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่าที่นายกฯสั่งการคือให้เราเตรียมแผนรองรับ โดยเฉพาะการยกระดับ ระบบการรักษาตัวที่บ้าน และศูนย์พักคอยในชุมชน ฮอสพิเทล โรงพยายานสนาม ซึ่งมีข้อขัดข้องบ้างเราก็แก้ไข ในส่วนของโรงพยาบาลหลักนั้นเราอยากให้ใช้รับรองผู้ป่วยที่อาการหน้าเป็นห่วงหรืออาการสีแดงให้ได้เข้าไปรักษา รวมถึงต้องกันไว้สำหรับโรคอื่นๆด้วย และต้องไม่กระทบกับบุคลากรสาธารณสุขที่เราต้องสงวนไว้แก้ไขปัญหาให้กับประชาชนน รวมถึงให้หน่วยงานต่างๆทั้ง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กรุงเทพฯ และพื้นที่ต่างๆเพิ่มคู่สายของแต่ละหน่วยงาน เมื่อถามว่าผู้ติดเชื้อทุกคนอยากรักษาตัวที่โรงพยาบาลเช่นนี้แล้วจะทำความเข้าในกับประชาชนอย่าง พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า เราจะยกระดับเรื่องการคัดกรองตามช่องทางต่างๆ หากแพทย์คัดกรองว่าแต่คนเป็นผู้ป่วยระดับไหนก็ควรให้ความร่วมมือปฏิบัติตาม แต่สำหรับผู้มีลักษณะเปราะบางอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ และเข้าถึงการสื่อสารลำบาก กลุ่มไร้ที่อยู่อาศัย รัฐจะเข้าไปจัดการด้วยระบบศูนย์พักคอยในชุมชนและสิ่งสำคัญประชาชนต้องเข้าใจเราต้องเซฟโรงพยาบาลหลักไว้ดูแลผู้ป่วยหนักจากโควิดและจากโรคอื่นๆ

 

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีศบค.ชุดใหญ่มีมติให้เด็กที่ติดเชื้อโควิดแต่อาการไม่มากสามารถเข้าสอบได้มีมาตรการอย่างไร พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า หัวใจสำคัญต้องแบ่งเขต ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะให้เด็กเหล่านี้ไปสอบได้ โดยขึ้นอยู่กับความพร้อมของโรงเรียนหรือสถานศึกษาต้องมีพื้นที่แบ่งเขตสำหรับผู้ติดเชื้อ และผู้มีความเสี่ยงสูง และต้องมีมาตรการตามที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำไป เช่น การเดินทางของผู้สอบที่ติดเชื้อต้องเป็นระบบปิด การเข้าห้องสอบต้องอยู่เฉพาะพื้นที่ที่ป้องกันอย่างดี อาการถ่ายเท สถานที่โอ่โถง มีระยะห่างเพียงพอ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขชี้แจงให้ทุกหน่วยเข้าใจหมดแล้ว

 

เมื่อถามว่าปัจจุบันพื้นที่สีฟ้ายังมีการลักลอบเปิดสถานบันเทิง ผับบาร์ คาราโอเกะ เช่น จ.ชลบุรี จะมีมาเข้มมาตรการหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า นายกฯสั่งทุกหน่วยงานว่านอกเหนือจากการดำเนินการทุกมาตรการแล้ว ยังต้องรับฟังข้อมูลและข้อร้องเรียนจากประชาชนและทุกภาคส่วนที่แจ้งเข้ามาเพื่อนำไปสู่การแก้ไขซึ่งเรื่องสถานบันเทิงก็ใช้แนวทางนี้เช่นเดียวกัน รวมถึงกรณีกระแสข่าวประชาชนไม่มีเตียง ไม่ได้รับการดูแล หน่วยงานภาคเอกชนเข้าไปช่วยเช่นกลุ่มเส้นด้ายก็ขอให้แจ้งมาที่ภาครัฐเพื่อประสานช่วยเหลือ เช่นให้กทม. เชิญกลุ่มต่างๆมาทำงานร่วมกัน

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์ผู้ติดเชื้อขาขึ้นที่เป็นอยู่นี้จะยืดเยื้อไปถึงช่วงสงกรานต์หรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า เราคาดหวังว่าเดือนมีนาคมนี้ ผู้ป่วยจะค่อยๆลดลง และหวังว่าช่วงสงกรานต์เราจะได้ใช้ชีวิตใกล้เคียงกับสงกรานต์ปกติมากที่สุดแต่คงเป็นปกติเหมือนช่วงก่อนมีโควิดไม่ได้ คงต้องเป็นสงกรานต์แบบโควิด ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุขกำลังพิจารณาเรื่องนี้คาดว่า 1-2 สัปดาห์ข้างหน้าจะหยิบยกเรื่องนี้มาหารือแล้วแจ้งประชาชนให้ทราบ อย่างไรก็ตามช่วงสงกราต์ปีนี้เราไม่ได้จำกัดการเดินทางประชาชนสามารถไปดูแลบุพการีได้ด้วยความระมัดระวังและตามมาตรการที่เหมาะสม ทำบุญได้แต่การฉลองในที่เสี่ยงก็ต้องงด ซึ่งมาตรการน่าจะเป็นเช่นนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง