ซีอีโอ SoftBank ประกาศลั่นพร้อมเป็นผู้นำปฏิวัติ AI
ท่ามกลางกระแสปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังร้อนแรงขึ้นทุกวัน บริษัทยักษ์ใหญ่หลายบริษัทต่างมีท่าทีกับปัญญาประดิษฐ์ต่างแตกกันออกไป มีทั้งออกตัวสนับสนุนและต่อต้าน แต่ดูเหมือนว่า ซอฟต์แบงก์ (SoftBank) บริษัทยักษ์ใหญ่จากแดนอาทิตย์อุทัย จะเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ยังคงเชื่อมั่นและพร้อมลงเม็ดเงินสนับสนุนธุรกิจเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ โดยล่าสุดประกาศว่าพร้อมปรับแผนการลงทุนจาก 'โหมดตั้งรับ' เป็น 'โหมดรุก' และต้องการเป็นผู้นำการปฏิวัติวงการปัญญาประดิษฐ์ (AI)
โดยเมื่อวันอังคารที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา มาซาโยชิ ซน (Masayoshi Son) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท ซอฟต์แบงก์ (SoftBank) เผยกับผู้ถือหุ้นผ่านระบบสื่อสารระยะไกลว่า ตนเองเป็น “Heavy user” ของปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะ แชทจีพีที (ChatGPT) โดยเขาคุยกับเจ้าแชทบอตสุดฮิตนี้เป็นประจำทุกวันเลยทีเดียว !
แล้วซนคุยอะไรกับ ChatGPT ?
แชตจีพีที (ChatGPT) นั้นเป็นแชทบอต (Chatbot) หรือซอฟต์แวร์ประเภทหนึ่ง ซึ่งโต้ตอบบทสนทนากับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำงานด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural language processing: NLP) สามารถเขียนและสร้างเนื้อหาที่มีความซับซ้อนได้ในไม่กี่วินาที โดยแชตจีพีทีมีความสามารถหลากหลาย ตั้งแต่เขียนข้อความสั้น ๆ ตอบคำถามพื้นฐาน ไปจนถึงบทความขนาดยาว หรือแม้กระทั่งแต่งเพลงเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี มาซาโยชิ ซนไม่ได้ลรายละเอียดมากนักว่าตนเองพูดคุยหัวข้ออะไรกับแชตจีพีทีบ้าง แต่เขาได้สั่งให้แชตจีพีทีลองเขียนการ์ตูน “เจ้าหนูปรมาณู” หรือ "Astro Boy" การ์ตูนญี่ปุ่นชื่อดังตอนใหม่ดู และยังอธิบายว่าแชตจีพีทีสร้างผลงานได้ราวกับเป็นมนุษย์เลยทีเดียว
และนอกจากใช้บริการ แชตจีพีทีทุกวันแล้ว มาซาโยชิ ซน ยังเผยว่าเขาพูดคุยกับ แซม อัลท์แมน (Sam Altman) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทโอเพนเอไอ (OpenAI) บริษัทผู้พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ ChatGPT ชื่อดัง แทบทุกวันเช่นกันด้วย
ซนออกเคลื่อนไหวหลังกองทุนขาดทุนยับ
การที่ มาซาโยชิ ซน ประกาศปรับแผนการลงทุนพร้อมลงสนามวงการปัญญาประดิษฐ์เช่นนี้ ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองไม่น้อย เพราะในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาหน้านี้ ซนไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหวต่อสาธารณะมากนัก โดยเน้นดูแลบริษัทผลิตชิปคอมพิวเตอร์ “อาร์ม” (Arm Ltd.) เป็นหลัก หลังจากที่กองทุนวิชัน ฟันด์ (Vision Fund) ของบริษัทซอฟต์แบงก์ ซึ่งเน้นลงทุนในกิจการสตาร์ตอัพและบริษัทด้านเทคโนโลยีประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนักเป็นประวัติการณ์
โดยรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปีค.ศ. 2023 ระบุว่า กองทุนวิชัน ฟันด์ขาดทุนสูงถึง 4.3 ล้านล้านเยน หรือเทียบเป็นเงินไทยแล้ว นั่นหมายความว่าบริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นสูญเงินไปมากกว่า 1 ล้านล้านบาท !
ซนเผยมี AI เป็นแรงผลักดันการลงทุน
ก่อนหน้านี้ ซนยืนยันว่า เขามีปัญญาประดิษฐ์เป็นแรงผลักดันอยู่เบื้องหลังการลงทุนต่าง ๆ แต่ที่ผ่านมาเขาต้องเผชิญกับปัญหาการตัดสินใจลงทุนผิดพลาดหลายครั้ง จนบริษัทขาดทุนอย่างหนัก เช่น กรณีวีเวิร์ค (WeWork) สตาร์ตอัพด้านอสังหาริมทรัพย์สุดฉาว และ ซูม (Zoom) ร้านพิซซ่าเดลิเวอรีที่ผลิตด้วยหุ่นยนต์ เป็นต้น
ดูเหมือนว่าในคราวนี้ มาซาโยชิ ซนจะเดินหมากใหม่ หันมามาลงทุนกับปัญญาประดิษฐ์มากขึ้น และพร้อมขึ้นเป็น “ผู้นำการปฏิวัติปัญญาประดิษฐ์” ตามคำกล่าวอ้างของตัวเขาเอง
บรรดานักลงทุนจับตาใกล้ชิด
ท่ามกลางกระแสอันร้อนแรงของปัญญาประดิษฐ์ ทางบริษัทซอฟต์แบงก์จัดการประชุมสามัญประจำปีในวันพุธที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยนาย มาซาโยชิ ซนกล่าวว่า “ในช่วงที่ผ่านมา เราเน้นไปที่ ‘การตั้งรับ’ เราไม่มีเงินสดในมือมากนักเมื่อสามปีที่แล้ว แต่การที่เราอยู่ในโหมดตั้งรับก็ทำให้บริษัทสร้างรายได้ได้มากถึง 5 ล้านล้านเยน” (ราว 1 ล้านล้านบาท)
นอกจากนี้ เขายังกล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาเขาลงทุนในบริษัทต่าง ๆ ที่เขาคิดว่าจะประสบความสำเร็จ เมื่อสังคมขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ และแม้ว่าล้มเหลวไปบ้าง แต่เขาเชื่อว่าพอร์ตการลงทุนของเขาจะประสบความสำเร็จมากพอ และภายหลังการประกาศดังกล่าว หุ้นบริษัทซอฟต์แบงก์ (9984.T) ดีดตัวขึ้นร้อยละ 2.63 เป็นเวลาสั้น ๆ ระหว่างการซื้อขายในช่วงเช้าวันพุธ (ตามเวลาสหรัฐฯ)
สิ่งต่อไปที่บรรดาผู้ถือหุ้นและนักลงทุนต่าง ๆ กำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิด คงหนีไม่พ้นว่าบริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นจะมีท่าทีเคลื่อนไหว และมีแนวโน้มในการลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในทิศทางไหนต่อไป
ที่มาภาพ Japantimes, Reuters