“จุรินทร์” เล็งประชุม “ผู้บริหารพรรค” เร่งจัดอีเวนต์ หลังจบศึกซักฟอก ไม่หวั่นภท.เจาะกระบี่-พังงา
“จุรินทร์” เล็งประชุม “ผู้บริหารพรรค” เร่งจัดอีเวนต์ หลังจบศึกซักฟอก ไม่หวั่นภท.เจาะกระบี่-พังงา มั่นใจ ภาคใต้ได้ส.ส.มากกว่าเดิม แต่ไม่ตั้งเป้า
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่หลายพรรคการเมืองจัดกิจกรรมเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำกิจกรรมทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว โดยมีกิจกรรม “จุรินทร์ออนทัวร์” ซึ่งเป็นการที่ตนนำคณะของพรรคไปพบปะประชาชนในทุกภูมิภาค เพื่อจะทำกิจกรรม รวมถึงได้มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส. ในหลายพื้นที่และหลายจังหวัด เพียงแต่ในช่วงนี้การทำกิจกรรมของพรรคอาจจะเพลาลงไปบ้าง แต่หลังจากเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลไปแล้ว คณะผู้บริหารพรรคและผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ จะประชุมเพื่อกำหนดแผนงานในการเดินหน้าจัดกิจกรรมทางการเมืองต่อไป ไม่ว่านับจากนี้ไปจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองหรือไม่ก็ตาม แต่ถือว่ากำลังเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากรัฐบาลจะอยู่ครบวาระถึงเดือนมีนาคม 2566 ซึ่งทุกพรรคทราบเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าแสดงว่านอกจากจัดกิจกรรมจุรินทร์ออนทัวร์แล้ว จะยังมีการจัดกิจกรรมในรูปแบบพรรคประชาธิปัตย์ทีมใหญ่ด้วยใช่หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า จะดำเนินการกิจกรรมทั้ง 2 ส่วนนี้ให้สอดคล้องไปด้วยกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส.ลำปางที่ผู้สมัครจากพรรคเสรีรวมไทยเป็นฝ่ายชนะ มีหลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า การหาเสียงและการทำกิจกรรมการเมืองจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง พรรคประชาธิปัตย์จะต้องปรับเปลี่ยนอะไรด้วยหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งดังกล่าวไม่ได้เป็นตัวชี้วัดผลทั้งประเทศ เพราะก่อนหน้านี้มีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ราชบุรีที่เป็นการแข่งขันระหว่างพรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน ได้ผลปรากฏว่าฝ่ายรัฐบาลเป็นผู้ชนะ ตนจึงคิดว่าขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่และหลายเงื่อนไขของการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ในแต่ละพื้นที่หรือแต่ละจังหวัด ตัวพรรคการเมือง และตัวผู้สมัคร ขณะเดียวกันก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีการแข่งขันระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านเสมอไป จึงต้องดูอย่างแยกแยะเพื่อให้เข้าใจสถานการณ์แท้ที่จริงแต่ละครั้งว่าเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้ประเมินจำนวนส.สที่คาดว่าจะได้ในการเลือกตั้งครั้งหน้ากี่ที่นั่ง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เราไม่ได้ประเมิน แต่จะทำให้ดีที่สุด ซึ่งตนเชื่อว่าทุกพรรคการเมืองคิดเหมือนกันว่าต้องทำให้ดีที่สุด ทั้งนี้เรามั่นใจในสิ่งที่ทำมาตลอด 3 ปีที่ทำงานในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล แม้เราได้ส.ส. 52 ที่นั่ง แต่เราประสบความสำเร็จในหลายเรื่อง และมีผลงานออกมาจำนวนมากเดินจำนวนส.ส. 52 เสียงด้วยซ้ำ ขณะที่ตนทำงานหนักทุ่มเททุกวัน ไม่ได้หยุดวันเสาร์-อาทิตย์
ผู้สื่อข่าวถามว่าสูตรคำนวณจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่หารด้วย 500 จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้จำนวนส.ส.น้อยลงหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่ได้ประเมินเรื่องนี้ แต่กติกาออกมาอย่างไร เราก็ต้องเป็นไปตามนั้น พรรคประชาธิปัตย์ยินดีที่จะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ของแต่ละพรรคการเมือง ซึ่งบางส่วนอาจเป็นเรื่องที่ควรได้รับการเปิดเผย แต่บางเรื่องก็เป็นเรื่องภายในพรรคนั้นๆ
เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยเตรียมลงพื้นที่และเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.ในจ.กระบี่และพังงา พรรคประชาธิปัตย์กังวลหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร พรรคการเมืองมีสิทธิ์จะไปที่ไหนก็ได้ ซึ่งจ.กระบี่และพังงา พรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ตลอดอยู่แล้ว เราก็มีผู้แทนอยู่ที่นั่น อย่างจ.กระบี่ เราทำงานการเมืองในพื้นที่เหล่านี้ตลอดอยู่แล้ว เมื่อถามว่า มั่นใจว่าไม่สามารถเจาะพื้นที่ได้ใช่หรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ก็ไม่อยากพูดอย่างนั้น ทุกพรรคการเมืองมีสิทธิ์ลงทุกพื้นที่ได้อยู่แล้ว เมื่อถามว่า เราจะลงพื้นที่ที่เป็นหัวใจของพรรคภูมิใจไทยบ้างหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เราก็ไปตามแผนของเรา เมื่อถามว่า ภาคใต้ยังเป็นหัวใจหลักของเราอยู่ใช่หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าภาคใต้จะดีขึ้นกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เมื่อถามว่าจะส่งครบทุกเขตใช่หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ครบทุกเขต ซึ่งจังหวัดภาคใต้ผู้สมัครครบหมดแล้ว เมื่อถามว่า ประเมินหรือไม่ภาคใต้จะได้เท่าไหร่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนไม่ประเมินและไม่พูดว่าตั้งเป้าเท่าไหร่ แต่ตนมั่นใจเสียงตอบรับดีกว่าเดิม
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ทั้งในเรื่องผลงานพืชผลทางการเกษตร การดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด การค้าด่านชายแดนที่ทุกฝ่ายก็พอใจตอนนี้เปิดครบแล้วทั้ง 9 ด่าน ฉะนั้น เรามั่นใจในฐานเสียงเดิมให้เห็นภาพรวมทั้งผลงานที่ทำมาต่อเนื่องให้เห็นภาพชัดเจนว่าผลที่ปรากฏเป็นรูปธรรมกับชาวภาคใต้เป็นอย่างไร