PIMOสร้างสถิติไม่หยุด ยอดก.ค.ทะลุทั้งไตรมาส
ทันหุ้น – บอสใหญ่ PIMO “วสันต์ อิทธิโรจนกุล” เดินหน้าทำผลงานทะยาน แย้มไตรมาส 3/64 มีลุ้นทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า หลังยอดขายเดือนกรกฎาคมเพียงเดือนเดียว กวาดผลตอบแทนได้มากกว่าไตรมาสแรกทั้งไตรมาสแล้ว แถมออเดอร์ไหลเข้ายาวถึงสิ้นปี 64 พร้อมอัพเป้ารายได้ปีนี้ทะลุ 1 พันล้านบาท
นายวสันต์ อิทธิโรจนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนียร์ มอเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIMO เปิดเผยว่า ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2564มองว่าจะมีการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และคาดว่าผลการดำเนินงานจะสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 244.07 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 24.51 ล้านบาท
**ออเดอร์ไหลเข้าอื้อ
ทั้งนี้แม้ว่าจะมีปัจจัยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มากดดันเศรษฐกิจ แต่บริษัทยังคงได้รับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ใหม่จากทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้ารายใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ยอดขายในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกทั้งไตรมาสแล้ว ส่งผลให้เชื่อว่าแนวโน้มธุรกิจและผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะมีการเติบโตที่ดีกว่าเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 812.75ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 79.44 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกปี
นอกจากนี้บริษัทยังได้มีการปรับเป้าหมายรายได้รวมปี 2564ใหม่ เพิ่มเป็นมากกว่า 1,000 ล้านบาท จากเดิมที่วางไว้ 950 ล้านบาท ซึ่ง 6 เดือนแรกปีนี้ทำได้แล้ว 468.85 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 44.46 ล้านบาท
**ค่าขนส่งปรับตัวขึ้น
“แม้ว่าปัจจัยลบจากปัญหาชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บางรายการที่ขาดแคลน และราคาสินค้าบางรายการปรับตัวเพิ่มสูง แต่บริษัทยังสามารถบริหารจัดการ และแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัญหาเดียวที่กำลังเผชิญอยู่คือจะเร่งการผลิตอย่างไรให้ทัน และสามารถรองรับออเดอร์ใหม่ที่เข้ามาจนเต็มไปถึงสิ้นปี 2564นี้แล้ว ส่วนในด้านต้นทุนวัตถุดิบที่อาจปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงค่าขนส่งสินค้าที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าไม่เป็นผลกระทบแต่อย่างใด และคาดว่าค่าขนส่งอาจไม่ทรงตัวสูงในปีหน้า” นายวสันต์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่องจนล่าสุดมาอยู่ที่ระดับเฉลี่ยราว 33.65บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ นั้น บริษัทมองว่าน่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจ เนื่องจากธุรกิจมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ มากกว่า 52% ของยอดขายรวม และน่าจะผลักดันให้รายได้จากต่างประเทศปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนในปีนี้
**แผนลงทุนปี 64
ส่วนแผนการลงทุนในปี 2564 บริษัทวางงบลงทุนไว้ประมาณ 85 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนขยายคลังสินค้าและเสริมศักยภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้น โดยในช่วงครึ่งหลังปีนี้บริษัทมีแผนลงทุนปรับปรุงอาคาร และซื้อเครื่องจักร คาดวงเงินอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านบาท ในโรงงานเดิมของบริษัท ประกอบกับธุรกิจมีแนวทางในการขยายกำลังการผลิตมอเตอร์ AC ให้เพิ่มเป็น 1 แสนลูกต่อเดือน เพิ่มเติมด้วย คาดเร็วๆ นี้ได้ข้อสรุป
สำหรับประเด็นรถไฟฟ้า (EV) มองว่ามีโอกาสจะเติบโตสูงทั้งในประเทศ และต่างประเทศในอนาคต โดยเฉพาะต่างประเทศที่เริ่มมีการปรับใช้รถไฟฟ้ากันอย่างแพร่หลาย โดยคาดเจ้าของแบรนด์จะขยายรุ่นรถยนต์ EV มากขึ้น เนื่องจากการแข่งขันในอุตสาหกรรมยานยนต์สูง ทำให้มองว่าแบรนด์รถยนต์ชื่อดังหลายๆ แบรนด์ จะหันมาออกรถยนต์ EV หลายรุ่น ซึ่งทางบริษัทมีความพร้อมสำหรับผลิตมอเตอร์ EV ให้กับลูกค้า เพราะมีความรู้ ความเชี่ยวชาญและกระบวนการผลิต รวมถึงโรงงานต่างๆ หากมีงานต่างประเทศ บริษัทมีโอกาสอีกมากที่จะรับงานผลิตมอเตอร์ในอนาคต รองรับการขยายตัวของรถยนต์ EV
ร่วมมือกับพันธมิตร
ขณะที่ก่อนหน้านี้บริษัทได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับทางบริษัท จีพี มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ แบรนด์ GPX รวมถึงสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เพื่อพัฒนาโครงการมอเตอร์สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อร่วมกันพัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้มีเสถียรภาพ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการดังกล่าวร่วมกับทาง สวทช. และคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงเดือนตุลาคม 2564 นี้